เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 จังหวัดร้อยเอ็ดมีผู้เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 148 ราย พบ ผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จำนวน 3 ราย (กลับบ้าน 1 ราย/รักษาในโรงพยาบาล 2 ราย) ตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 142 ราย และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 3 ราย ข้อมูลการติดตามผู้เดินทางมาจากพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย (จีน เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน) (ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 1 เมษายน 2563) แยกกักกันตัวเองที่บ้านพักจำนวน 116 คน ติดตามเฝ้าระวังครบ 14 วัน จำนวน 97 คน และอยู่ในระหว่างติดตามยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 19 คน ส่วนการติดตามผู้เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่องจำนวน 29 ประเทศ (ตามประกาศของกรมควบคุมโรค) คุมไว้สังเกตอาการที่บ้านพัก จำนวน 368 คน ติดตามครบ 14 วัน จำนวน 291 คน อยู่ระหว่างติดตามยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 77 คน ข้อมูลผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 16,603 คน ให้แยกตัวสังเกตอาการที่บ้านพัก 14 วัน
สถานการณ์โรคโควิด 19 ทั่วโลก(ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา 08.00 น.) มีผู้ป่วยสะสมรวม 935,346 ราย เสียชีวิต 47,241ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา 215,003 ราย รองลงมาคือ อิตาลี 110,574 ราย ส่วน สถานการณ์ในประเทศไทย(ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563) มีผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย (เพิ่มใหม่ 104 ราย) เสียชีวิต 15 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากการสัมผัสผู้ป่วย รองลงมา คือผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ สถานบันเทิง และมีอาชีพเสี่ยง อันประกอบด้วย ผู้ขับยานพาหนะขนส่งสาธารณะต่างๆ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชาวต่างประเทศ และ ทำงานในสถานที่แออัดมีคนเป็นจำนวนมาก
จังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีคำสั่งเรื่องจัดตั้งจุดตรวจการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 ของจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด จึงมีคำสั่งตั้งจุดตรวจการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จำนวน 10 จุด ใน 10 อำเภอ โดยมีชุดตรวจการแบ่งกัน 3 ผลัด ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการสนธิกำลังระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่ขนส่ง และเจ้าหน้ที่สาธารณสุข ซึ่งได้บูรณาการเป็นจุดตรวจ ตามมาตรการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนน ( 10 รสขม ) ให้มีการอำนวยความสะดวก ด้านการจราจรแก่ประชาชน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563
จังหวัดร้อยเอ็ด ขอแนะนำประชาชนเรื่องการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในสถานที่ที่ไม่ใช่สถานพยาบาล ตามแนวทางของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวของวัตถุต่างๆ เป็นเวลา 1-3 วัน พื้นผิวที่อาจสัมผัสปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อดังนี้ ในบริเวณพื้นทั่วไป ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจาง 1 ส่วน ผสมในน้ำ 99 ส่วน ส่วนพื้นผิวที่มีน้ำมูกน้ำลาย เสมหะ สารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น ห้องสุขา โถส้วมให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจาง 1 ส่วน ในน้ำ 9 ส่วน ราดทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที สำหรับพื้นผิวที่เป็นโลหะ สามารถใช้ 70 เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดได้ ส่วนสิ่งแวดล้อมที่เป็นวัสดุผ้าที่อาจปนเปื้อนด้วยเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น เสื้อผ้ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ให้ซักในน้ำที่มีอุณหภูมิ 70 องศาเชลเชียสและผงชักฟอก ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด
จังหวัดร้อยอ็ด ขอความร่วมมือ ให้ประชาชนควรอยู่บ้าน ไม่ออกนอกบ้าน โดยเฉพาะบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป/ อายุใดก็ตามแต่มีโรคประจำตัวโรคเบาหวาน โรคความตันโลหิตสูง โรคระบกางเดินหายใจ และโรคปอด/ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ลงมา ซึ่งบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม เมื่อปวยตัวยโรคโควิด-19 แล้วจะมีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป จังหวัดร้อยเอ็ด จึงขอความร่วมมือทุกทน “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” “ล้างมือ กินร้อน ไม่กินร่วม สวมหน้ากากอนามัย อยู่ใกลกัน 2 เมตร”โควิดติดง่ายป้องกันไว้กันทุกคน