ประเด็นที่ดินรุกเขตอุทยานเป็นปัญหาเรื้อรังมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ที่รัฐบาลมีนโยบายทวงคืนผืนป่า ทำให้ชาวบ้านที่เข้าไปใช้พื้นที่ดังกล่าวทำการเกษตรตั้งแต่ก่อนมีการประกาศเป็นเขตป่าไม้และป่าสงวน ถูกกดดันออกจากพื้นที่ พร้อมทั้งถูกดำเนินคดี อย่างเช่นกรณีชาวบ้านซับหวาย จ.ชัยภูมิ ที่ถูกตัดสินโทษจำคุกและชดใช้ค่าเสียหายจากข้อหาบุกรุกป่า
น.ส.นิตยา ม่วงกลาง แกนนำต่อสู้เรื่องสิทธิที่ดินทำกินของชาวบ้านชุมชนซับหวาย อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เล่าว่า ชาวบ้านซับหวาย 14 คน ถูกดำเนินคดี จากการเข้าไปทำการเกษตรในพื้นที่ ตั้งแต่ก่อนประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติไทรทอง
โดยเป็นผลมาจาก นโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้มีการกดดันชาวบ้านออกจากพื้นที่และดำเนินคดีกับชาวบ้านที่เข้าไปทำกินในบริเวณดังกล่าว
แม้ชาวบ้านบางรายจะยืนยันว่า ได้รับสิทธิ์การเข้าไปใช้พื้นที่ทำกินจาก ส.ป.ก. หรือมีหลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ก็ไม่สามารถนำลดหย่อนโทษที่ได้รับ โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์เพิ่งมีคำพิพากษาตัดสินโทษชาวบ้านในข้อหาบุกรุกอุทยานไทรทองโดยมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 เดือน – 4 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ไปจนถึง 1 ล้าน 5 แสนบาท
น.ส.นิตยา เล่าอีกว่า ส่วนตัวไม่มีเอกสาร ส.ป.ก. หรือหลักฐานการเสียภาษี แต่ครอบครัวเข้ามาทำกินตั้งแต่สมัยตนเองยังเด็ก แต่ตนเองถูกตัดสินโทษจำคุก 12 เดือน และปรับเกือบ 2 แสนบาท จากข้อหาบุกรุกพื้นที่ราว 10 ไร่ โดยถูกควบคุมตัวที่เรือนจำเป็นเวลา 75 วัน ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีในชั้นฎีกา
นี่เป็นเพียงหนึ่งในชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น ภายในหมู่บ้านซับหวายยังมีชาวบ้านอีกหลายรายที่ตัดสินโทษจำคุกจากการเข้ามาใช้พื้นที่ลักษณะต่างกัน แม้ว่าจะมีความพยายามเคลื่อนไหวต่อสู้คดีมาโดยตลอด