วันที่ 20 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการ ในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เปิดเผยว่าในวันนพรุ่งนี้ (21 พ.ค.63) สมช. จะประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เพื่อประกอบการพิจารณาการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 พ.ค. 2563 นี้ เพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ศบค. เพื่อเห็นชอบ ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบต่อไป
ส่วนการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่าทางคณะกรรมการเฉพาะกิจเปิดเผยว่าการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 อาจเริ่มขึ้นได้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2563 แต่การผ่อนปรนระยะที่ 2 จะต้องอยู่ในเกณฑ์ความปลอดภัยตามหลักของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหลักคิดตั้งแต่เริ่มต้นในการผ่อนปรนมาตรการ โดยต้องรอผลและความเห็นจากทางกระทรวงสาธารณสุขด้วย
ส่วนธุรกิจผู้ประกอบการบางกิจการ อาทิ นวดแผนโบราณ รวมถึงสถานบันเทิง ผับบาร์ ที่เรียกร้องอยากจะให้มีการผ่อนปรน ในระยะที่ 3 นั้น พล.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยว่ารู้สึกเห็นใจในทุกกิจการกิจกรรม ซึ่งก็มีการรับฟังปัญหาและนำไปพิจารณาเพื่อหาแนวทางในการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่จะต้องอยู่ภายใต้หลักการที่ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องไม่กลับมาระบาดละลอกใหม่ เพราะจะทำให้การป้องกันลำบากมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการก็จะต้องมีแนวทางและปรับตัวธุรกิจของตัวเองด้วย
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่าที่ผ่านมาการผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 1 และ 2 ความเคร่งครัดและความร่วมมือของประชาชนส่งผลทำให้ตัวเลขของการติดเชื้อภายในประเทศเป็นที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่กังวลคือการติดเชื้อจากภายนอกประเทศ ยังเป็นสิ่งที่ต้องหามาตรการและแนวทางที่เหมาะสม ก่อนที่จะทยอยเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศจนนำไปสู่การผ่อนปรนระยะที่ 4
