Categories
ข่าว

เพลิงไหม้กุฏิ “วัดป่าบ้านตาด” คลอก “หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน” เจ้าอาวาสมรณภาพ

เมื่อเวลา 13.37 น.วันที่ 22 พ.ค.63 ร.ต.ท.แทน นุ่มเจริญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กุฎิเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี คลอกเจ้าอาวาสวัดได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลบ้านตาด และรุดไปที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นกุฎิไม้ยกพื้นสูง ตั้งอยู่หลังศาลาประมาณ 200 เมตร เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงจากด้านหน้ากุฎิ เอกสารสำคัญ แอร์ คอมพิวเตอร์ และสิ่งของบนกุฎิได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำดับไฟประมาณ 20 นาทีเพลิงจึงสงบ ซึ่งพบว่าไฟไหม้จากด้านหน้ากุฎิ ลุกลามไปยังห้องนอน ส่วนพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน หรือ หลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดถูกไฟคลอกได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้สติ พระลูกวัดได้งัดเหล็กดัดด้านหลังกุฎินำร่างออกมา และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.ศูนย์อุดรธานี แต่พระอาจารย์สุดใจ มรณภาพขณะนำส่งโรงพยาบาล จึงนำสรีระสังขารกลับวัดป่าบ้านตาด สิริรวมอายุ 76 ปี 48 พรรษา

จากการสอบสวนพระสิทธิชัย สุขิโต อายุ 40 ปี พระลูกวัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ พระอาจารย์นอนอยู่ในกุฎิ มีศิษยานุศิษย์เห็นไฟลุกไหม้บริเวณบันได และลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงรีบแจ้งพระลูกวัดเข้าไปช่วย แต่ขึ้นบันไดไม่ได้เพราะไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงพากันปีนหน้าต่าง พบพระอาจารย์นั่งพื้นหน้าฟุบอยู่เตียง จึงช่วยกันใช้ไม้งัดเหล็กดัด แต่งัดไม่ได้เพราะเหล็กแข็ง จึงลงมาตามพระมาช่วยกันอีกหลายคน พอส่องดูก็พบพระอาจารย์ลงไปนอนที่พื้นแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงช่วยกันฉีดน้ำดับไฟ และรอจนรถดับเพลิงมาถึงและฉีดน้ำดับไฟด้านหน้า เมื่อเพลิงเบาบางลง พระได้ช่วยกันงัดเหล็กดัดเข้าไปอุ้มร่างพระอาจารย์ที่หมดสติ และร่างกายถูกไฟลวกจากศีรษะถึงเท้า ออกมาทางหน้าต่าง ส่งโรงพยาบาล

ด้าน พระพงษ์ศักดิ์ บัณฑิโต พระลูกวัดที่เข้าไปช่วยอีกรูป กล่าวว่า เมื่อมาถึงกุฎิจ้าอาวาส ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ พระไฟลุกโหมอย่างรุนแรง บริเวณจุดตั้งพัดลมแอร์ เห็นพระอาจารย์สุดใจถูกไฟลวกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายแข็งหมดสติ คาดว่าจะสำลักควันไฟ พอดับเพลิงฉีดน้ำจนไฟสงบ จึงช่วยกันงัดเหล็กดัดหน้าต่างออก และอุ้มร่างออกมาทางหน้าต่าง ซึ่งพระอาจารย์ถูกไฟลวกจนผิวหนังหลุด และร่างกายแข็งหมดแล้ว

ขณะที่ นายกอบเกียรติ กาญจนะ ไวยาวัจกร และอดีตรอง ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า พระอาจารย์สุดใจ ทันตะมโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ป่วยเป็นโรคพากินสัน แต่จะปฎิบัติกิจของสงฆ์ทุกวัน เสร็จแล้ว จะกลับเข้ามานอนพักผ่อนที่กุฎิ เวลา 14.00 น. จะลุกขึ้นมาฉันท์ยา แต่วันนี้มาเกิดเหตุไฟไหม้จนมรณภาพ จะได้แจ้งให้พระผู้ใหญ่รวมทั้ง พระอาจารย์อินถวาย สันตุสัตโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย รับทราบและจะเดินทางมาให้คำปรึกษา ในการจัดพิธีตามแนวทางของพระวัดป่า ทั้งนี้ได้เสนอตั้งคณะกรรมการ ดูแลเรื่องการจัดพิธีงานฌาปณกิจศพ

ส่วน นายวันชัย จันทร์พร รอง ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ยังคงต้องเร่งให้การดับเพลิง ทำการดับเพลิงให้ดับสนิททั้งหมด ก่อนให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แน่ชัด โดยรับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งพระเณร ญาติโยมไว้บ้างแล้ว พร้อมกับมอบให้ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.อุดรธานี มาประสานงานด้านพิธี ให้เป็นไปตามความประสงค์

สำหรับ พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เดิมชื่อ นายสุดใจ เชาว์สมุทร เกิดวันที่ 14 ตุลาคม 2487 ที่ ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ บิดาชื่อ นายวิง มารดาชื่อ นางปุ่น พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน จบการศึกษาปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2516 โดยมีพระเทพโมลี (สำรอง คุณวุฑฺโฒ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระญาณวิศิษฏ์ (ทอง จนฺทสิริ) เป็นพระกรรมวาจารย์ พระครูนันทปัญญาคุณ(ปิ่น ตันติธมโม) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เป็นศิษย์เอกหลวงตามหาบัว ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2554

ในพรรษาแรกท่านได้อยู่ศึกษาอบรมกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี จากนั้นในพรรษาที่ ๓ ได้มาอยู่ศึกษาอบรมกับองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี จนถึงปัจจุบันรวมเป็นระยะเวลาเกือบ ๔๐ ปี สำหรับพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน ซึ่งเป็นพระที่อยู่วัดป่าบ้านตาด ทำงาน และดูแลหลวงตามหาบัว มายาวนาน แม้จะมีพระหลายรูปไปปลีกวิเวก แต่พระอาจารย์สุดใจ ก็ยังคงอยู่กับหลวงตาจนวาระสุดท้ายขององค์หลวงตา ท่านมีนิสัยพูดน้อย ถ่อมตน แต่ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง และได้รับความไว้วางใจจากองค์หลวงตามหาบัว ให้ดูแลเรื่องหนังสือธรรมะต่าง ๆ โดยหนังสือหลวงตาเกือบทุกเล่ม ตลอดถึงกัณฑ์เทศน์ต่าง ๆ ที่ลงในเว็บหลวงตา www.luangta.com จะต้องผ่านการตรวจทานจากท่านทั้งหมด ดังคำกล่าวที่หลวงตามหาบัว เคยเทศน์ไว้ว่า “..อย่างเราเทศน์ทางนี้ ไปทางนู้นก็ให้ท่านสุดใจตรวจอีกทีหนึ่ง เพราะท่านสุดใจรู้เรื่องของเราดี การพูดการจาแง่หนักเบาท่านสุดใจเข้าใจเรื่องเรา เพราะเป็นพระปฏิบัติด้วยกัน ถ้าภาคปริยัติกับปฏิบัติไปตรวจกันไม่ได้เรื่อง ภาคปริยัติไปอย่างหนึ่ง ภาคปฏิบัติไปอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นภาคปฏิบัติตรวจภาคปฏิบัติเข้าใจทันที..”

ก่อนที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านจะละสังขาร ท่านได้จับมือท่านพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน แล้วเมตตาพูดว่า “มือของครูอาจารย์ กับมือของลูกศิษย์ลูกหา ญาติมิตรเพื่อนฝูง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้แทนกันได้ ไว้ใจกันได้” ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔ องค์หลวงตามหาบัว ได้เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดป่าบ้านตาด หลังจากนั้นจึงได้มีการแต่งตั้งท่านพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี รูปใหม่แทน หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยมี พระราชวราลังการ (หลวงปู่สิงห์ อินทปัญโญ) วัดโพธิสมภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีการมอบตราตั้งให้พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาส ที่ ๐๔/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๗ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ ที่ศาลาการเปรียญวัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีใจความว่า..

“อาศัยอำนาจตามความในข้อที่ ๒๗ แห่งกฎหมายมหาเถระสมาคมฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ จึงแต่งตั้งให้ พระสุดใจ ฉายา ทนฺตมโน อายุ ๖๗ พรรษา ๓๘ วิทยฐานะ น.ธ.ตรี วัดป่าเกษรศิลคุณ ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าเกษรศิลคุณ ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ที่อยู่ในวัดดังกล่าวข้างต้น จงอยู่ในโอวาทของรักษาการเจ้าอาวาสที่ได้รับแต่งตั้งแล้วนั้น ซึ่งปฏิบัติการโดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถระสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ ของมหาเถระสมาคม ขอจงถือความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา ตลอดกาลนาน เทอญฯ ลงชื่อ เจ้าอธิการสุพิศ สุนฺทโร เจ้าคณะตำบลบ้านตาด เขต ๑ (ธรรมยุต) ..”

“พอบวชเริ่มภาวนาใจได้รับความสุขสงบเย็นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นึกย้อนถามตัวเองว่า ถ้าเรานั่งอยู่มีคนเดินมาด่าเรา เราจะโกรธมั๊ย คนทั่วไปที่ไม่รับการฝึกอบรมจิตใจมา ย่อมมีความโกรธเป็นธรรมดา แต่คนที่ได้รับการฝึกฝนมาจะไม่โกรธ กลับสงสารว่า…เค้าไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง เค้าน่าสงสาร ถ้าเรารักตัวเอง เราจะไม่ส่งจิตออกไปให้ใจโกรธ แต่จะมีสติรักษาจิตให้มีความสุข สงบเย็น..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

“…คนเรามันก็เหมือนมีงานอยู่ตลอดเวลาหล่ะนะ หมดพรรษาแล้วใครอยากจะไปอยู่วิเวกก็ไปได้ คือพระเราที่จะอยู่ไปวันนึง วันนึง แบบฆราวาสเขาก็ไม่ได้น่ะ นับวันมันจะมีภาระมากขึ้น พรรษาก็มีมากตามไปด้วย หน้าที่ของเราที่ต้องปฏิบัติต่อตัวเราเอง อย่างน้อยให้มีความสงบเป็นที่พึ่งของใจมันก็อยู่ได้ ถ้าไม่มีเลยนี่ มันก็จะคว้าเอาเรื่องทางโลกมาปฏิบัติกัน ในสายตาของครูบาอาจารย์ก็จะมองว่ามันไม่เป็นการดีเลยที่จะเป็นอย่างนั้น

…พระพุทธเจ้าออกบวชก็มุ่งที่จะชำระล้างกิเลสที่มีอยู่ในใจขององค์ท่านให้ออกไปให้หมด ท่านเห็นอะไร ไม่ว่าต้นไม้ ใบหญ้าหรือคน ท่านก็จะตีเข้ามาหาตัวเป็นธรรมเสมอว่า โลกนี้มันเป็นโลกที่ไม่เที่ยงนะ มีกฏของไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เข้าบังคับบัญชาอยู่ตลอดเวลา แล้วมนุษย์เราแต่ละคน แต่ละคน ไม่ใช่ว่าอายุจะยืนยาวอะไรนักหนา แล้วก็บอกไม่ได้ด้วยว่า คนแก่จะต้องตายก่อนวัยเด็กเสมอไป เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตลง เกิดโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียนทำให้ตายก่อนวัยอันควร ท่านจึงสอนว่าอย่าประมาทในคุณงามความดี อย่าคิดว่าทำน้อยนิดมันจะไม่ให้ผล เมื่อทำอยู่บ่อย ๆ มันก็จะติดเป็นนิสัย แล้วสิ่งเหล่านี้แหละที่จะชักนำเราให้พ้นทุกข์ไปภายในวันหนึ่งแน่นอน

ทำอะไรก็พยายามน่ะ ทำเอาจริงเอาจัง ผู้ปฏิบัติทางด้านธรรมะ มันจะเอานิสัยทางด้านนั้นมาใช้ แล้วคนที่จริงจัง คือว่ามีการตั้งสติ ความรู้อยู่กับสติไม่คลาดเคลื่อนไปไหน จิตที่มันฟุ้งซ่านที่เคยมีอยู่ มันต้องสงบลงได้อย่างแน่นอน เมื่อจิตเราเกิดความสงบ เพียงครั้งแรกเท่านั้นแหละ มันก็มีความตื่นเต้นแล้ว แล้วยิ่งสงบเข้าไปหลายครั้งหลายหน ได้ความสว่างกระจ่างแจ้ง มันก็จะเกิดขึ้น เราถึงว่าจิตมันเริ่มสัมผัสกับธรรมแล้ว ต่อจากนั้นความขี้เกียจขี้คร้าน ในการที่จะทำความพากความเพียร มันก็ค่อย ๆ จะหมดไป ๆ แล้วเราก็จะมองเห็นว่า เฮ้ย..ตัวขี้เกียจขี้คร้านเนี่ย มันเป็นกิเลสโดยแท้เลย ซึ่งแต่ก่อนเราไม่เคยคิดเคยนึกนะ พอจิตเจริญขึ้นมันมีความสงบของมันเป็นปกตินี่ เวลาเดินจงกรม มันก็จะขยันเดิน เดินไปบางที นึกว่ามันแค่ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง บางทีเดินไป สามชั่วโมง สี่ชั่วโมงก็มี เมื่อมีความสงบจากนั้นมีโอกาสก็ก้าวทางปัญญา พิจารณาสิ่งทั้งหลายลงไปสู่ไตรลักษณ์ จนกระทั่งถึงสุดท้าย ที่มันถอดถอนได้สุด “หมดกิเลส” และไอ้ความทุกข์ของใจที่มันหมดกิเลสแล้ว มันหาอะไรเทียบไม่ได้นะ แล้วก็จะสามารถรู้ได้ด้วยตนเองได้ว่าจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว…วันนี้ก็ให้ธรรมะย่อ ๆ แค่นี้นะ เสียงมันไม่มีแล้ว…” โอวาทธรรมคำสอนท่านพระอารย์สุดใจ ทันตมโน เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี