Categories
ข่าว

พร้อมเปิดเทอม 1 ก.ค.63 4,500 โรงเรียนต้องสลับวันเรียน ป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63 นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงมาตรการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนวันที่ 1 ก.ค.63 ว่า กำหนดเปิดเทอมภาคเรียนแรกระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-14 พ.ย.63 และภาคเรียนที่ 2 วันที่ 1ธ.ค.63-10 เม.ย. 64 เป็นการเปิดเรียน 180 วัน ลดจากปกติที่มีวันเรียน 200 วัน โดยในวันที่เหลือกระทรวงให้โรงเรียนมีอิสระในการสอนเพิ่มวันอาทิตย์หรือสอนในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน นอกจากนี้กรมอนามัยยังได้ออกคู่มือการปฏิบัติของสถานศึกษาแจกจ่ายแล้วทั่วประเทศ พร้อมกำหนดแบบประเมินชุดเดียวกันทั้งหมด โรงเรียนที่จะเปิดสอนได้ต้องปฏิบัติครบทั้ง 20 ข้อ ขณะนี้มีโรงเรียนผ่านการประเมินมากกว่า 90% และคาดว่าโรงเรียนจะผ่านเกณฑ์ครบ 100 % ทันกำหนดเปิดเทอม วันที่ 1 ก.ค. 63

นายวราวิช กล่าวด้วยว่า มาตรการที่ปฏิบัติได้ยากที่สุด คือ ภายในห้องเรียนต้องเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ซึ่งมีโรงเรียน 30,000 แห่ง ผ่านเกณฑ์ประเมินสามารถเปิดเรียนได้ตามปกติพร้อมกัน ขณะที่โรงเรียนขนาดใหญ่ 4,500 แห่ง ต้องสลับวันเรียน โดยออกแบบไว้ 4 -5 แบบ เช่น เรียน 5 วันหยุด 9 วัน หรือสัปดาห์เว้นสัปดาห์ สลับเช้า-บ่าย (ยกเว้นโรงเรียนประถม ซึ่งผู้ปกครองไม่สะดวกในการรับ-ส่ง) เรียนผสม หรือสลับวันคู่วันคี่ โดยกระทรวงศึกษาฯ จัดการสอนแบบออนแอร์และออนไลน์ ให้เรียนผ่านโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตเสริม ในช่วงที่เป็นวันหยุดสลับการเรียน

กระทรวงศึกษาฯยังได้ดูแลถึงการเดินทางด้วยรถโรงเรียน ซึ่งต้องนั่งตามมาตรการที่กำหนดให้เว้นระยะห่าง โดยเพิ่มงบประมาณให้โรงเรียนเพิ่มรถ แต่จะใช้รถไม่ถึง 3 เที่ยวเพราะเป็นการสลับกันมาเรียน สำหรับเด็กเล็กระดับปฐมวัย จะมีครูผู้ช่วยดูแลการนอนให้เว้นระยะห่าง 1.5 เมตร หรือออกแบบให้นอนหันเท้าชนกัน โดยเด็กไม่ต้องสวมหน้ากากระหว่างนอน ส่วนการรับประทานอาหารกลางวันให้แบ่งเป็น 3-4 ผลัดๆละ 30 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 -12.30 น. ในส่วนของการสอบกระทรวงศึกษาฯจะออกประกาศภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งนักเรียนชั้น ม.6 มีความจำเป็นต้องสอบ ส่วนชั้นอื่นๆจะปรับตัวชี้วัดให้เข้ากับปีโควิด เพื่อให้นักเรียนถูกวัดผลอย่างยุติธรรม

นายวราวิช กล่าวต่ออีกว่า การเตรียมความพร้อมรับมือหากมีการป่วยติดเชื้อในโรงเรียนว่า หากตรวจพบการติดเชื้อจะให้เด็กหยุดเรียน 14 วัน โรงเรียนปิด 3 วัน เพื่อทำความสะอาดและให้กระทรวงสาธารณสุขเข้ามาสอบสวนโรคหาผู้สัมผัสใกล้ชิด สำหรับกลุ่มโรงเรียนชายขอบที่มีเด็กจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมาเรียนแบบไป-กลับ หรือเด็กไทยที่พ่อแม่ไปทำงานและพักอาศัยในประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่ให้เข้าประเทศจนกว่าจะมีประกาศผ่อนปรน