เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มราษฎร และกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่บริเวณแยกเกียกาย ใกล้กับรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา และเกิดเหตุปะทะว่า กรณีกลุ่มผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายที่มีการยิงกันบริเวณรัฐสภาทราบตัวมือยิงแล้วหรือไม่นั้น
ขณะกำลังอยู่ระหว่างตามหาชายสวมใส่ชุดสีชมพู คาดว่าน่าจะเป็นการ์ดของกลุ่มราษฎรนำอาวุธปืนมาก่อเหตุบริเวณดังกล่าว เริ่มเปิดฉากยิงก่อน พร้อมทั้งมีการนำรถน้ำวิ่งเข้าใส่ประชาชนที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณแถวถนนทหาร โดยมีปลอกกระสุนตกอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ
ซึ่งต้องหาข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะเป็นมืออาชีพในการก่อเหตุหรือไม่ ขอขอบคุณประชาชนและสื่อมวลชนที่ให้ข้อมูลซึ่งสอดคล้องกับภาพกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวเป็นใคร คาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้
ส่วนมีกระสุนที่มาจากฝั่งตรงข้ามกลุ่มราษฎรหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงแล้วคาดว่ากระสุนอยู่บริเวณแยกเกียกกายและกระสุนปืนดังกล่าวมาจากกลุ่มพวกเขาเอง ซึ่งอยู่ระหว่างรอรับพยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ในการตรวจร่องรอยกระสุนและการยิง ส่วนเป็นยิงกันเองของกลุ่มราษฎรหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน ส่วนไม่พบกลุ่มตรงข้ามหรือบุคคลที่อยู่ในตรอกซอกซอยยิงเข้ามาเลยหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสำนวนการสอบสวน
“ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนกลางไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เราเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อคุณกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ในองค์ประกอบข้อกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่ความผิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ แม้ว่าจะถูกย่ำยีขนาดไหน
ผบ.ตร.ได้สั่งการ ตำรวจต้องอดทนต่อความเจ็บใจ อดทนด้วยความเหนื่อยยาก แม้ถูกตีด้วยของแข็งถูกตีด้วยคันธง เราก็ยังต้องอดทน เราจะตอบโต้ด้วยอะไรไม่ได้ ส่วนการไปดึงป้ายพ่นสีเป็นการหยามศักดิ์ศรีตำรวจหรือไม่คงตอบไม่ได้ แต่พี่น้องประชาชนที่เห็นอยู่คงจะตอบแทนตำรวจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” โฆษกบช.น. กล่าว
ทั้งนี้ ทาง พล.ต.ต.ปิยะ ยังเปิดเผย ภาพชายสวมใส่ชุดสีชมพู คาดว่าน่าจะเป็นการ์ดกลุ่มราษฎร นำปืนมาก่อเหตุ และเริ่มเปิดฉากยิงก่อน ทั้งนี้พบว่ามีรูปชายเสื้อชมพูอยู่ในม็อบเสื้อเหลือง ระหว่างมีการชุมนุมอีกด้วย