Categories
ข่าว

บิ๊กเซอร์ไพรส์!! “ส.ศิวรักษ์” โผล่ชุมนุม ซัดไล่ “บิ๊กตู่” พ้นเก้าอี้ ลั่น! นำ ม.112 มาใช้ ถือมีความชั่วร้ายมาก

วันที่ 25 พ.ย. บรรยากาศบริเวณการชุมนุมของมวลชนราษฎร หน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ในช่วงค่ำ มีแกนนำม็อบราษฎรสลับกันขึ้นปราศรัยกับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การปราศรัยมีการเชิญชวนให้ผู้ร่วมชุมนุมช่วยกันสกัดกั้นการนำเงินของประชาชนไปใช้เพื่อธุรกิจที่เอื้อกับสถาบันฯ จากนั้นได้มีการนำตุ๊กตาไก่โอ๊กสีเหลืองมาแจกจ่ายให้ผู้ชุมนุม พร้อมกับบอกให้ใช้บีบให้มีเสียงแทนการปรบมือได้ ทำให้บรรยากาศในพื้นที่ชุมนุมจากนั้นได้มีเสียงตุ๊กตาไก่โอ๊กสลับเสียงเฮและเสียงปรบมือ

ต่อมา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้ขึ้นปราศรัยอีกครั้ง โดยเน้นปราศรัยเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบัน

จากนั้นในเวลา 18.55 น. นายอานนท์ ได้ประกาศบิ๊กเซอร์ไพรส์ของคืนวันนี้ คือ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เจ้าของนามปากกา “ส.ศิวรักษ์” มาร่วมชุมนุม

โดยนายสุลักษณ์ ได้ปราศรัย ตำหนินายกรัฐมนตรี ที่นำมาตรา 112 มาดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุม ถือเป็นเรื่องที่เลวร้าย พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนและผู้ร่วมชุมนุมร่วมกันบีบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี.

“ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำตามกระแสพระราชดำรัส ในการยุติใช้มาตรา 112 ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์ นำมาตรา 112 มาใช้ เป็นการขัดพระราชโองการ เป็นการทำลายล้างสถาบัน พล.อ.ประยุทธ์ ถือมีความชั่วร้ายมาก แค่เรื่องนี้ประเด็นเดียว เราต้องรวมกันถีบพล.อ.ประยุทธ์ออกไป ถีบออกไปด้วยความเคารพ ตนหวังว่า พวกท่านทั้งหลายจะร่วมกันถีบประยุทธ์ด้วยความเคารพ ให้ออกพ้นจากอำนาจรัฐบาล”ส.ศิวรักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (เกิด 27 มีนาคม พ.ศ. 2476) เจ้าของนามปากกา ส. ศิวรักษ์ เป็นนักเขียน นักปรัชญา นักคิด และนักวิชาการชาวไทย ที่มีอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย จนได้รับสมญานามว่า ปัญญาชนสยาม เขาเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับ รางวัลอัลเทอเนทีฟโนเบล (Alternative Nobel, Right Livelihood Award) หรือ “รางวัลโนเบลทางเลือก” ในปี พ.ศ. 2538 และยังได้รับรางวัลศรีบูรพาจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยในปีเดียวกันอีกด้วย เขามีผลงานการเขียนมากมายครอบคลุมหลายด้าน เช่น พุทธศาสนา สังคม การเมือง รูปแบบการปกครอง เป็นต้น โดยมีหนังสืออัตชีวประวัติของตนเองชื่อว่า ช่วงแห่งชีวิต

สุลักษณ์ ศิวรักษ์

สุลักษณ์ เป็นนักวิชาการคนสำคัญคนหนึ่งและอาจกล่าวได้ว่าเป็นนักวิชาการรุ่นแรก ๆ ที่ออกมาพูดถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นเหตุให้เขาโดนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายครั้ง แต่ก็พ้นผิดจากคุกได้ทุกครั้ง ครั้งหนึ่งเขาเคยยื่นถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ทรงพระราชทานอภัยโทษ เขายังกล่าวแสดงความชื่นชมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและกล่าวว่าหากไม่ได้รับพระบารมีปกเกล้าเขาคงต้องจำคุกอย่างแน่นอน