วันที่ 26 พ.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ชี้แจงความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ของประเทศไทย โดยระบุว่าการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในโลกและผลกระทบโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่มีขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลให้ไทยยังต้องดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัดต่อไป
สำหรับเฟสต่อไป ที่ภาครัฐจะดำเนินการ คือ การจัดการกับวิกฤตในระยะยาว ด้วยการจัดหาวัคซีน สำหรับป้องกันโรค เพราะยิ่งได้วัคซีนมาใช้เร็วเท่าไร ยิ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น ดังนั้น หลังจากที่ไทยได้ลงนามข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา เพื่อผลิตวัคซีนในประเทศไทย หากการพัฒนาวัคซีนสำเร็จลุล่วงแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ ( 27 พ.ย.63 ) จะมีการลงนามเพิ่มเติม เพื่อสั่งซื้อวัคซีน หลังจากที่ได้รับทราบข่าวดี ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา ประกาศความสำเร็จการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 70% – 90% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก
สำหรับวัคซีนนี้ สามารถเก็บรักษาได้ในตู้เย็นธรรมดา ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส และสามารถขนส่งเพื่อกระจายวัคซีนไปสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้โดยไม่ยุ่งยาก จึงคาดว่าวัคซีนนี้น่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้และผลิตได้ ในช่วงกลางปี 64 ซึ่งรัฐบาลต้องวางแผนกระบวนการและขั้นตอนเตรียมการสำหรับการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ทั้งประเทศ ในทันทีที่ได้รับวัคซีน
และขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเทศกาลสำคัญของคนไทยในช่วงปลายปี รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ในการร่วมกันปฏิบัติตน ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตของผู้คน และบรรเทาไม่ให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจจนหนักหนาสาหัสในประเทศไทย ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไป