Categories
ข่าว

ผิดจริง! ป่าไม้ แจ้งความ “แม่ธนาธร” รุกป่าราชบุรี 2,450 ไร่ ส่วนคดี ‘ปารีณา’ ก็ไม่รอด ชัดเจนหลังปีใหม่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ธ.ค. 2563 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ที่ปรึกษาชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. พ.ต.อ.พิบูลย์ เวียงจันทร์ รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส พร้อมพนักงานสอบสวนบก.ปทส. ให้ดำเนินคดีกับ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกที่ดิน

นายอดิศร กล่าวว่า สืบเนื่องจากนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้แจ้งร้องทุกข์ให้กรมป่าไม้ ดำเนินการตรวจสอบที่ดินจำนวน 77 แปลงเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 3,098 ไร่เศษ ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งหลังรับเรื่องร้องทุกข์ทางกรมป่าไม้ได้ดำเนินการตรวจสอบ โดยใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบนานพอสมควร เนื่องจากต้องตรวจสอบเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กระทั่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำเอกสารสิทธิที่ดินที่เกี่ยวข้อง จำนวน 77 แปลง ประกอบด้วย โฉนดที่ดิน จำนวน 1 แปลง, น.ส.3 ก จำนวน 55 แปลง, น.ส.3 จำนวน 14 แปลง โดยมีเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 3,098 ไร่เศษ ซึ่งจากการตรวจสอบพบที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้าย แม่น้ำภาชี และซ้อนทับกับ เขตปฏิรูปที่ดิน ของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่มีการประกาศปี 2554 และไม่มีแผนงานพร้อมงบประมาณที่จะการดำเนินงาน จึงไม่มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ และแปลงที่ดินทั้งหมดซ้อนทับในเขตป่าไม้ถาวร หมายเลขที่ 85 (ปี 2512)

ในส่วนของที่ดิน น.ส.3 ก ทั้ง 55 ฉบับ มีการออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 ก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3 ก ทั้ง 55 ฉบับ ซึ่งทำให้เป็นเอกสารที่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น

อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่านางสมพร มีเจตนาครอบครองที่ดิน น.ส.2 โดยการซื้อเปลี่ยนมือจากบุคคลอื่นแบบผิดกฎหมาย จำนวน 7 แปลง เนื้อที่ 350 ไร่ ทั้งนี้ แปลงที่ดินดังกล่าวเป็นเอกสาร น.ส.2 ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาซ้อนทับที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมีการร้องเรียนของกลุ่มชาวบ้าน ม.14 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่มีแผนงานจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้าน และมีตัวแทนของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกมาร่วมตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย มีการยอมรับการครอบครองและแสดงเจตนามอบให้หมู่บ้านจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาครอบครอง นส.2 แบบผิดกฎหมายของนางสมพร

นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นางสมพรมีการครอบครองที่ดินมือเปล่าแบบผิดกฎหมาย (ภบท.5) อีก 1 แปลง เนื้อที่ 90 ไร่ ในท้องที่ ม.3 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยตรวจสอบพบหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่ระบุชื่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จ่ายเงินค่าที่ดินมือเปล่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 90 ไร่ ในช่วงปี 2553-2556 ในส่วนเอกสารโฉนดที่ดิน 1 แปลง และ น.ส.3 อีก 14 ฉบับ ต้องขยายผลตรวจสอบ

ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ จะได้รวบรวมหลักฐานข้อมูลให้ครบถ้วน รัดกุมที่สุด ในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 450 ไร่ (ที่ดินภบท.5 และนส.2 ทั้ง 7 แปลง รวมที่บุกรุกเพิ่มเติมอีก 10 ไร่) และแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน นส.3 ก จำนวน 55 แปลง และเสนอให้กรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินของนางสมพรฯ นส.3 ก อีกประมาณ 2,000 ไร่ ซึ่งเบื้องต้นนางสมพรเข้าข่ายความผิดตามมาตรา14 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484

เมื่อถามว่าในส่วนคดีรุกพื้นที่ป่าของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นั้น พ.ต.อ.พิบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนการดำเนินการ ทางตำรวจได้นำเอกสารส่งให้ผบ.ตร.ลงนามส่งไปยังรัฐสภา เพื่อขอนำตัว น.ส.ปารีณา ส่งมอบต่ออัยการจังหวัดราชบุรี ดำเนินการตามขั้นกฎหมายเช่นเดียวกับคดีของนายทวี ไกรคุปต์ บิดา น.ส.ปารีณา พบว่าจากการตรวจสอบมีบางจุดที่ครอบครองโดยชอบธรรม เจ้าหน้าที่จะตัดส่วนนี้ออกไม่ดำเนินการตามกฎหมาย แต่จุดที่ทับซ้อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้จะมีความชัดเจนหลังปีใหม่ และขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทำงานตรงไปตรงมาไม่ได้มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง และทุกขั้นตอนและหลักฐานต่างๆสามารถตรวจสอบได้