Categories
ข่าว

ไม่จบ!! ตำรวจ คุมตัว “ลุงพล” สอบปากคำเพิ่ม ปมสร้างวังพญานาครุกป่า ลั่น!สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

จากกรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ติดต่อให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้ามาช่วยดูแลคดีน้องชมพู่ หากลุงพลถูกตำรวจออกหมายจับ แต่สุดท้ายติดเงื่อนไขมาตรการควบคุมโรค ทำให้ทนายตั้มต้องเดินทางกลับ ส่วนผบ.ตร.ยืนยันวันนี้ยังไม่ออกหมายจับ แต่พรุ่งนี้ไม่แน่ พร้อมย้ำชัดน้องชมพู่เดินขึ้นภูเหล็กไฟเองไม่ได้ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่หน้าบ้านลุงพล บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล เปิดเผยว่า มีชายปริศนาโทรมาหาตน แล้วบอกว่าจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ โดยปลายสายบอกว่าเป็นระดับผู้การ สามารถช่วยเรื่องคดีทำร้ายนักข่าวได้ พร้อมอ้างว่าคู่กรณีอยากได้เงินประมาณ 25,000 บาท จึงถามกลับไปว่าเป็นผู้การจังหวัดไหน เขาก็เงียบไป เมื่อโทรกลับไปก็ไม่รับแล้ว

นายไชย์พล เปิดเผยต่อว่า ส่วนช่วงบ่ายวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพญานาค ตนก็ไม่รู้สึกกังวล แต่ก็พร้อมทำตามกฎหมาย เพราะก็สร้างไปแล้ว เงินก็จ่ายไปแล้ว แค่เสียดายว่าประโยชน์ยังไม่เกิด แต่ก็ต้องทุบทิ้งแล้ว ถ้าจะทุบเพราะเป็นที่ดินป่าสงวน ที่ดินแห่งนี้ตนได้มาจากพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เพื่อให้สร้างเป็นที่อยู่อาศัย ถ้าถามว่าตนใช้ที่แห่งนี้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ที่แห่งนี้ไม่เคยใช้ปลูกพืชอะไรเลย ทั้งนี้ก่อนที่จะสร้างตนได้แจ้งทางหลวงแล้วว่าจะสร้างแล้วก็สร้างห่างจากถนน 9 เมตร ยืนยันว่าการออกแบบถูกต้องตามขั้นตอน เพียงแต่ว่าไม่มีใบอนุญาตเท่านั้น

“ถ้าถึงเวลาที่ต้องทุบก็ต้องทุบ ถ้าทุบแล้วจะเกิดอาเพศ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องอนาคต จุดประสงค์ที่สร้างวังพญานาคแห่งนี้ เกิดจากความเชื่อ ถ้าทำไปแล้วดีก็ต้องทำ ไม่เกี่ยวกับการแก้บน เป็นความเชื่อของสายญาณบารมีของพญานาค ถ้าสร้างพญานาคจะมีบารมีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าสร้างแล้วเป็นแลนด์มาร์ด เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่วนที่มีคนบอกว่าหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมู่บ้านวังพญานาคนั้น ผมคิดว่าแค่มีชาวบ้านบางคนมีบ่อน้ำ ชาวบ้านอาศัยกินน้ำอยู่ตรงนี้”นายไชย์พลกล่าวปิดท้าย

ต่อมาเวลา 14.15 น. นายพรพิรมณ์ อุรุแสง ผอ.ศูนย์ป่าไม้พร้อมด้วยตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังกว่า 30 นายเข้าควบคุมตัวนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ไปสอบปากคำและชี้จุดที่สร้างพญานาค และจุดก่อสร้างเพิ่มเติมที่ไม่ใช่บ้านพัก พร้อมทั้งชี้จุดต่างๆโดยรอบองค์พญานาค

นายพรพิรมณ์ชี้แจงส่าการก่อสร้างพญานาค ปู่ปาริจิตนาคราช นั้นเป็นการรุกพื้นที่ป่าสงวน และนำพื้นที่ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ที่อนุโลมให้ชาวบ้านทำการเกษตรและอยู่อาศัย ถ้ามีการบุกรุกจะมีความมผิด ข้อหารุกที่ป่าสงวน โดยใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ และทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวน ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 – 2,000,000 บาท

นายพรพิรมณ์ เปิดเผยต่อว่า ตอนนี้ยังไม่แจ้งข้อหาลุงพล แต่ขอสอบปากคำก่อน และลงมาดูพื้นที่จริง และให้ลุงพลพาชี้จุด ซึ่งหากทำผิดก็จะแจ้งข้อหา ส่วนการก่อสร้างพญานาคนี้ ขอสอบปากคำลุงพลก่อน และจะพิจารณาให้ยุติการก่อสร้าง หรืออายัดไว้ตรวจสอบ ส่วนจะรื้อทุบทิ้งนั้นต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน

จากนั้นนายไชย์พล เปิดเผยว่า ตนยืนยันว่าบริสุทธิ์ ไม่หวั่นว่าจะโดนแจ้งข้อหา ไม่ว่าคดีอะไร ซึ่งถ้าบอกว่าตนรุกป่าสงวน ก็รุกกันหมดทุกคน เจตนาที่ตนสร้างพญานาค ก็เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้เป็นส่วนตัว และหากต้องถูกทุบทำลายทิ้ง ก็ต้องยอมรับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม