เสี่ยธุรกิจห้องเย็นแช่แข็งอาหารทะเลในเมืองร้อยเอ็ด ถูกลูกชายอดีตนายตำรวจขับรถกระบะไล่ชน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่อมาเกิดเหตุชุลมุนระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้พ่อของผู้ก่อเหตุพกปืนบุกมาไกล่เกลี่ยที่โรงพัก ผู้เสียหายยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ลงสนามข่าวนี้กับคุณชนะชัย แก้วผาง
ภาพจากกล้องวงจรปิด
นายบุญทัน สีแวงเขต อายุ 40 ปี นักธุรกิจห้องเย็นแช่แข็งอาหารทะเลในจังหวัดร้อยเอ็ด ยืนยันกับสนามข่าว 7 สี ว่าช่วง 21.00 น.ของวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา เขาถูกชายอายุ 38 ปี ขับรถกระบะแต่งซิ่งปาดหน้า ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์บิกไบก์อยู่บนถนนเลี่ยงเมืองร้อยเอ็ด จากนั้นรถคันดังกล่าวก็ขับไล่ชน เขาจึงพยายามขี่หนีเพื่อเอาชีวิตรอด มุ่งหน้าเข้าไปในซอยหมู่บ้านหนองเจริญ ในตำบลโพธิ์ทอง อำเภอศรีสมเด็จ
ผู้ก่อเหตุ
รถกระบะของผู้ก่อเหตุเสียหลักหลุดโค้งพุ่งชนรั้วเหล็กของชาวบ้าน จนรถพังเสียหาย ขณะที่ นายบุญทัน เข้าใจว่าผู้ก่อเหตุยังขับติดตาม จึงเร่งเครื่องหนีไปขอความช่วยเหลือจากคนรู้จัก จากนั้นก็พาพวกอีก 10 คน กลับมายังจุดเกิดเหตุ
จุดเกิดเหตุ
เกือบเที่ยงคืนวันเดียวกัน กล้องวงจรปิดในสถานีตำรวจภูธรหนองแวงควง บันทึกภาพพ่อของผู้ก่อเหตุที่เป็นอดีตนายตำรวจ พาพวกรวม 4 คน เข้ามาในโรงพัก ก่อนที่พ่อของผู้ก่อเหตุซึ่งถือปืนอยู่ในมือ จะเปิดประตูห้อง แล้วให้ลูกชายเข้าไปยืนอยู่ในห้อง พร้อมปิดประตู จากนั้นก็ยืนพูดคุยกับตำรวจ ก่อนเขาจะขับรถออกไป
รถของผู้ก่อเหตุ
ตำรวจเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ลูกชายของอดีตตำรวจ ได้ขับรถกระบะไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ผู้เสียหาย และตกลงกันไม่ได้ ตำรวจจึงให้มาเจรจากันที่โรงพัก โดยพวกของผู้เสียหายตามมาเกือบ 10 คน
ชายผู้ก่อเหตุ อ้างว่าคู่กรณีพยายามจะทำร้ายร่างกาย จึงโทรศัพท์บอกพ่อให้มาที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นผู้เป็นพ่อก็พาพวกอีก 2 คน ไปรับลูกชายเดินทางมาโรงพัก พร้อมกับควงปืนลงจากรถ แล้วบุกขึ้นโรงพักตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด
ผู้เสียหาย
อดีตนายตำรวจ อ้างว่าสาเหตุที่ต้องพกปืนขึ้นโรงพัก เพราะต้องการปกป้องลูกชาย เนื่องจากอีกฝ่ายมีพรรคพวกตามมาเยอะเหมือนกัน เกรงว่าลูกชายจะถูกทำร้าย แต่ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันว่าจะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า เพราะพบเจตนาหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่าชายคนดังกล่าวจงใจจะฆ่า
ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำทั้งสองฝ่าย เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหาว่าแท้จริงแล้ว ชายผู้ก่อเหตุเจตนาฆ่าผู้เสียหายตามที่แจ้งหรือไม่ โดยจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย