วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เผยว่า ขณะนี้การระบาดของโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์อินเดีย พบในประเทศปากีสถาน บังกลาเทศ และเนปาล รวมถึงหลายประเทศที่พบเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวจากการเดินทางเข้าประเทศ ศบค.และที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุข ( สธ.) เป็นห่วงเชื้อกลายพันธุ์ทั้งที่ปรากฎแล้ว และเชื้อที่อาจกลายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกำชับให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับโรงเรียนแพทย์ ให้เฝ้าระวังสูงสุด และเตรียมพิจารณาการชะลอหนังสืออนุญาตเดินทาง ( COE ) ในบางประเทศ ขอให้ประชาชนติดตามรายงานจาก ศบค.
ในส่วนของผู้เดินทางมาจากประเทศอินเดีย ได้ชะลอการออกหนังสืออนุญาตเดินทางแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.64 โดยเที่ยวบินจากอินเดียภายในเดือน พ.ค.64 รวม 4 เที่ยวบิน จะเป็นการนำคนไทยกลับบ้านอย่างถูกต้องเท่านั้น ซึ่งผู้เดินทางจะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชม. และตรวจคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค ล่าสุดเที่ยวบินจากอินเดียที่นำคนไทยกลับบ้าน วันที่ 8 พ.ค.64 จำนวน 74 คน มาจากหลายเมืองของอินเดีย ผลตรวจพบติดเชื้อ 5 คน เป็นเพศชาย 1 คน หญิง 4 คน ทั้งหมดได้ถูกกักตัวในสถานกักกันตัว และจะเชื้อไปตรวจหาสารพันธุกรรมเพื่อพิสูจน์เชื้อกลายพันธุ์ด้วย
นอกจากนี้ ยังพบผู้ดินทางจากประเทศปากีสถาน ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียรายแรกของประเทศไทย โดยผู้ติดเชื้อเป็นหญิง ชาวไทย อายุ 42 ปี ตั้งครรภ์ 25 สัปดาห์ เดินทางถึงไทย วันที่ 24 เม.ย. 64 ก่อนเดินทางแวะพักเครื่องดูไบ เดินทางมาพร้อมบุตรชาย 3 คน อายุ 4 ปี 6 ปี และ 8 ปี อยู่ในสถานกักกันตัวร่วมกับบุตรอายุ 4 ปี วันที่ 26 เม.ย.64 ทราบผลตรวจบวกในหญิงไทยกับบุตรอายุ 4 ปี แต่บุตรชายอีก 2 คน ซึ่งแยกห้องพัก ผลตรวจเป็นลบ
ต่อมาวันที่ 9 พ.ค.64 ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก รพ.จุฬาลงกรณ์ ตรวจสารพันธุกรรม พบเชื้อสายพันธุ์อินเดีย B 1617.1 โดยสายพันธุ์นี้เริ่มระบาดตั้งแต่เดือน ต.ค.63 ขณะนี้พบเชื้อสายพันธุ์นี้ในหลายประเทศรวมถึงสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ศบค.เป็นห่วงการลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติ ในรอบ 24 ชม. สกัดจับ 104 คน ระหว่างวันที่ 1-10 พ.ค.64 จับกุมแล้ว 1,126 คน ขอความร่วมมือคนไทยที่ต้องการกลับบ้านขอให้เข้าสู่ระบบ ทางการจะดูแลให้ปลอดภัย เพื่อไม่ให้เป็นการแพร่เชื้อ ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนท้องถิ่นร่วมกันเป็นหูเป็นตา
