วันที่ 13 ก.ย. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยภายหลังการเข้าพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.แลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกนและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.) ที่ห้องรับรองในตึกภักดีบดินทร์ว่า เป็นการพูดคุยถึงแนวทางการทำงานต่อเนื่องจากผลการประชุมคทช. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ทส.
เมื่อถามถึงบรรยากาศการพูดคุยเป็นอย่างไรบ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า การพูดคุยบรรยากาศเป็นไปด้วยดี พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีที่เป็นปกติ ยังคงกระเซ้าเย้าแหย่กัน ไม่ได้มีท่าทีว่าขัดแย้งกัน หรืองอนกันอย่างที่เป็นข่าว
“โดยพล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกด้วยว่า ใครว่าเราทะเลาะกัน ไม่มี พวกผมไม่มีทางทะเลาะกัน ผมมีวันนี้ได้เพราะพี่ป้อม มองหน้ากันก็เข้าใจกันแล้ว ขณะที่พล.อ.ประวิตร ยังบอกด้วยว่า นั่นสิ ทำไมคนเอาไปลงว่าผมทะเลาะกับนายกฯ” นายวราวุธ กล่าว
หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินโอบหลัง ประคองกอดไหล่ เดินออกมาส่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นรถ กลับ หลังจากที่เดิม นายกฯได้สวัสดี ลา พลเอกประวิตร แล้ว แต่ ก็เดินวกกลับมา ส่ง บิ๊กป้อม ขึ้นรถกลับ เมื่อจนท. แจ้งว่า สื่อมารอ ทางด้านหน้าตึกฯ นายกฯ จึงเดิน กลับมา กอดคอด พลเอกประวิตร และเดินประคอง มาส่งขึ้นรถ โชว์สื่อ พร้อมบอกว่า สบายใจทุกวัน และ ขอสื่อเลิกสักที ระหว่าง ผมกับ พลเอกประวิตร
โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามพล.อ.ประวิตร ว่าจะมีการนัดประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในวันที่ 15 ก.ย.นี้หรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว จากนั้นสื่อมวลชนได้หันไปสอบถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่า สบายใจแล้วหรือไม่ ซึ่งนายกฯกล่าวว่า “สบายใจทุกวัน” จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่าพล.อ.ประวิตร เข้าใจนายกฯแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกลับทันทีว่า “เลิกสักที เลิกที ฉันกับพล.อ.ประวิตร” ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า พล.อ.ประวิตร เข้าใจในตัวนายกฯ เรื่องเหตุผลในการปลด 2 รัฐมนตรีช่วยแล้วหรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ หันหน้าหนี พร้อมส่ายหัวและโบกมือ. เมื่อถามว่ามีภาพปรากฏการทักทายและกอด พล.อ.ประวิตร นายกฯ ตอบว่า “ทำไม ผมก็กอดทุกวันนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กแล้ว”