Categories
ข่าว

จับตาดูทั้งประเทศ!! “วีระ” บุกถาม ตร. สำนวนคดี “เอ๋ ปารีณา” หายไปไหน เชื่อรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง

จากกรณี นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ไปแจ้งความกับ สภ.จอมบึง ให้ดำเนินคดีกับนายทวี ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.พรรคพลังประชารัฐ ในข้อหา บุรุกป่าสงวนกว่า 46 ไร่ ใกล้แม่น้ำภาชี และครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยมิชอบกว่า 683 ไร่ ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีกับ นายทวี และ น.ส.ปารีณา ไปก่อนหน้านี้นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 ม.ค. 63) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นำเอกสารหลักฐาน เข้าพบ พ.ต.อ.ศรานุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. เพื่อติดตามสอบถามความคืบหน้ากับการดำเนินคดีดังกล่าว เนื่องจาก บก.ปทส. ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีดังกล่าวจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา

นายวีระ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว พร้อมนำหลักฐาน คำพิพาษาฎีกาและมีการให้การเพิ่มเติม หลังคดีดังกล่าวใช้เวลาผ่านมาเป็นเวลา 1 เดือน โดยที่คดีไม่มีความคืบหน้าเลย ซึ่งหน้าที่รับผิดชอบคดีขณะนี้ทราบว่าเป็นของ บก.ปทส. และเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 62 ก็ได้มีการประชุมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมด้วย

นายวีระ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีนี้เป็นคดีที่สามารถดำเนินการได้ทันทีตาม ป.วิอาญา และมีความผิดที่สามารถเห็นได้ชัดเจน ซึ่งทางคุณปารีณา ก็ยืนยันตลอดว่าที่ดินเป็นของตนเองและครอบครองมานานหลายสิบปี หากเป็นคดีของชาวบ้านตาสีตาสา เรื่องคงถึงศาลและถูกดำเนินคดีไปนานแล้ว อยู่ที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีหรือไม่ หรือมีใครเข้ามายุ่งกับเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนหรือไม่ ตนยืนยันว่าต้องการดำเนินคดีกับ น.ส.ปรีณา และนายทวี ทั้ง 2 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ความผิดของทั้ง 2 คน อาจเข้าข่ายการฟอกเงินด้วยตามมาตราการ ปปง.

จากนั้น นายวีระ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศรานุ เพื่อพูดคุยภายในสำนักงาน กก.5 บก.ปทส. นานประมาณ 15 นาที ก่อนออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “จากการพูดคุยและดูเอกสารพบว่าคำสั่งเพิ่งมาถึงเมื่อวาน(วันที่8 ม.ค.) แต่มาเพียงคำสั่งเท่านั้น ส่วนสำนวนและพยานหลักฐานต่างๆ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าสำนวนอยู่ที่กองบัญชาการสืบสวนกลาง แต่เมื่อตรวจสอบไปแล้วพบว่าไม่มี โดยแจ้งว่ามีการส่งมาแล้ว แต่ไม่รู้สำนวนไปไหน อีกทั้งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน บก.ปทส. ยังพูดกับตนว่า ไม่สนใจคำพิพากษาศาลฎีกา จะสนใจแต่คำสั่งของนิติกรป่าไม้เท่านั้น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ต้องแต่งตั้งชุดคณะทำงานขึ้นมา อาจทำให้คดียิ่งล่าช้าไปอีก เรื่องนี้ตนไม่เคยท้อ แต่จะตามคดีทุกวัน เรื่องนี้จะจบลงยังไง คนทั้งประเทศรอดูอยู่ ตนบอกเลยว่าเป็นเพราะรัฐบาลอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จนเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้”