Categories
ข่าว

นายกฯ ขอบคุณ วัคซีนฉีดครบ 100 ล้านโดส ลั่น! เตรียมการดีที่สุดรับมือ “โอมิครอน” ประเทศไทยต้องชนะ “สงครามโควิด”

วันที่ 20 ธ.ค.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุความตอนหนึ่งว่า “ประเทศไทยต้องชนะ” เป็นเป้าหมายสูงสุดในสงครามโควิด ที่เราชาวไทยได้ร่วมมือกันต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรค แม้ว่าสงครามในครั้งนี้ จะยืดเยื้อเกินกว่าที่ทั่วโลก หรือใครๆ จะคาดคิดไว้ และเรายังไม่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด แต่ในวันนี้ ถือเป็นอีกวันหนึ่ง ที่เราบรรลุเป้าหมายสำคัญ นั่นคือการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทะลุยอด 100 ล้านโดส สำเร็จภายในปี 2564 ตามที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้

“นับตั้งแต่โดสแรก วันที่ 28 ก.พ.64 เราใช้เวลารวม 265 วัน หรือเฉลี่ยวันละ 377,358 โดส วันนี้ เราสามารถทำภารกิจที่เหมือนเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เป็นการพิสูจน์คำกล่าวอีกครั้งที่ว่า หากคนไทยร่วมแรงร่วมใจทำอะไรแล้ว จะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้“

ยิ่งกว่านั้น ยังมีข่าวที่น่ายินดีก็คือ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ (Global Health Security Index : GHS) อันดับที่ 5 ของโลก จากทั้งหมด 195 ประเทศ เป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย จากการประเมินความพร้อมของประเทศในการรับมือการแพร่ระบาดโรคติดต่อปี 2021 โดยมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นแสดงให้เห็นว่า การที่ไทยสามารถจัดการรับมือกับสถานการณ์โควิด จนกดยอดผู้ติดเชื้อให้ต่ำลง และเปิดประเทศได้อีกครั้ง ทำให้ถูกจัดอันดับโลกสูงขึ้นอีก 1 อันดับ อีกทั้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของไทย ยังได้รับรางวัล United Nations Public Service Awards (UNPSA) จากองค์การสหประชาชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ สะท้อนความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขไทย และความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ

“ผมต้องขอขอบคุณและชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนทุกคน ที่ให้ความร่วมมือ อดทน เสียสละ สู้ไปด้วยกัน มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และขอให้ทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจกับ ชัยชนะของศึกย่อยในสงครามครั้งนี้ ที่ยังไม่จบสิ้น ซึ่งผมมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า หลังจากผ่านมา 2 ปี รัฐบาลและ ศบค. รวมทั้งหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับ ทั่วประเทศ มีความพร้อมมากยิ่งกว่าเดิม ในการรับมือกับโรคระบาด โดยเฉพาะเชื้อโอมิครอนที่กำลังก่อปัญหาในหลายประเทศ”นายกระบุ

นายกฯ ระบุด้วยว่าได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดกับการตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศในทุกช่องทาง สกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศ และให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมแผนเผชิญเหตุหากเกิดการระบาดขึ้น ดังที่เราเคยดำเนินการมาแล้ว ตั้งแต่การตรวจเชื้อ-แยกตัว-ส่งต่อ-รักษา ให้เร็วที่สุด โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการพิจารณามาตรการทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบและสมดุลที่สุด เพื่อสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมตามโรดแมปที่วางไว้ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่า…รัฐบาลได้เตรียมการไว้อย่างดีที่สุด เพื่อชัยชนะของประเทศไทย