วันที่ 29 เม.ย.65 ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 12 โดยระบุว่า หลังการปลดล็อกกัญชายาเสพติด เมื่อเดือน ก.พ.65 ขณะนี้อยู่ระหว่างให้กฎหมายมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถปลูก ใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ต่อยอดเศรษฐกิจในครัวเรือน ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ทำให้เกิดการสร้างงาน อาชีพและรายได้ในระดับครัวเรือนและประเทศ
จากการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ในหลายเขตสุขภาพที่ผ่านมา พบว่ามีการพัฒนาในทิศทางที่ดี ทั้งด้านกัญชาทางการแพทย์และการต่อยอดเป็นพืชเศรษฐกิจ มีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร เครื่องดื่ม ที่หลากหลาย
” กว่าเราจะเปลี่ยนกัญชาจากสีดำให้กลายเป็นสีขาวได้ ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทอย่างหนัก จากทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน ขอให้ใช้กัญชาอย่างระมัดระวัง ใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่านำกัญชากลับไปสู่เส้นทางที่ผิด ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ กัญชาจะพ้นจากความเป็นยาเสพติด ระหว่างนี้ได้มีการออกกฎ วางกรอบ เพื่อดูแลการใช้ ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อม สามารถนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นพืชครัวเรือน ปลูกเป็นยาสมุนไพร ไปจนถึงการเป็นพืชเศรษฐกิจ ปลูกกันในเชิงอุตสาหกรรม” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน ย้ำว่าหากจะปลูกกัญชาเชิงอุตสาหกรรมต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่หากจะปลูกในครัวเรือน สามารถจดแจ้งได้ และไม่ได้จำกัดเพียงแค่ 6 ต้น แต่สามารถปลูกมากกว่านั้นก็ได้ แต่ขอให้ใช้กันในครัวเรือน อนาคตของกัญชาจะไม่ต่างจากข้าว ปาล์ม มันสำปะหลัง ที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประชาชนและประเทศชาติ
สำหรับเขตสุขภาพที่ 12 เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลภาครัฐและคลินิกกัญชาทางการแพทย์ภาคเอกชน รวม 97 แห่ง ในปี 64 มีผู้เข้ารับบริการในคลินิกกัญชาทางการแพทย์กว่า 7,000 คน และรับยากัญชากว่า 6,500 คน และมีการปลูกกัญชาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 21 แห่ง เนื้อที่ 2,636.50 ตารางเมตร ปลูกกัญชง 17 แห่ง เนื้อที่ 22,102 ตารางเมตร
