วันที่ 18 พ.ค.65 นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติคงราคาน้ำมันดีเซลสัปดาห์นี้ไว้ที่ 32 บาทต่อลิตรเช่นเดิม เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน ยืนยันว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังอยู่ในวิถีการบริหารจัดการสภาพคล่องได้ดี
ส่วนที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบต่ออายุลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ไปอีก 2 เดือน กบน.จะพิจารณาถึงแนวทางการบริหารจัดการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เชื่อว่าจะช่วยลดความผันผวนราคาน้ำมันลงได้ แต่ขอทำความเข้าใจว่าการลดภาษีลง 5 บาทต่อลิตร ไม่ได้หมายความว่าราคาน้ำมันดีเซลจะลดลง 5 บาทต่อลิตร เพราะขึ้นอยู่กับฐานการคำนวณภาษีที่จะลดลงตามสัดส่วนน้ำมันดีเซลที่ผสมอยู่ในน้ำมันไบโอดีเซล(B100) โดยอัตราที่ลดลงจริงน่าจะลดอยู่ที่ 4.65 บาทต่อลิตร จึงหมายความว่าการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลรอบใหม่ที่ลดลงหน้าสถานีบริการน้ำมันจะจัดเก็บอยู่ที่ 1.34 บาทต่อลิตร จากเดิม 5.99 บาทต่อลิตร
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน (วันที่ 15 พฤษภาคม 2565) ติดลบอยู่ที่ 72,062 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 37,854 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 34,208 ล้านบาท
“กองทุนน้ำมันติดลบ คงเอามาลดราคาน้ำมันขายปลีกไม่ได้ และหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ คงไม่ได้เห็นราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละต่ำกว่า 32 บาทอีกแล้ว”
สำหรับเรื่องการกู้เงินเสริมสภาพคล่องกองทุนฯ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันการเงิน เรื่องความสามารถ และแนวทางการชำระหนี้ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน เนื่องจากเมื่อกองทุนฯ มีสถานะเป็นนิติบุคคลแล้ว ก็ไม่ได้รับการคำประกันจากกระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงานเหมือนในอดีต ซึ่งหากไม่มีปัญหาก็คาดว่าจะมีเงินเข้ามาเติมสภาพคล่อง ได้ในเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงพลังงานประเมินว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงเช่นนี้จะยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปี ขึ้นอยู่กับความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเดือนนี้ จะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 110-115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ ราคามันดีเซล ในตลาดโลก จะเคลื่อนไหวที่ 141-150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล