เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดเลย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เลย จัดแถลงข่าว การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ไฟป่าและหมอกควัน มีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้แทนจากโรงงานน้ำตาลทั้งสองแห่งในจังหวัดเลย และสื่อมวลชนเข้าร่วม
นายสมศักดิ์ จวงพลงาม ผู้แทนจากโรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวง อ.วังสะพุง กล่าวว่า พื้นที่ปลูกอ้อยของโรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวงในจังหวัดเลยมีประมาณ 400,000 ไร่ มีเกษตรกร 6,400 ราย ปีนี้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่โรงงานลดลงประมาณร้อยละ 30 เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง จึงคาดว่าจะปิดหีบอ้อยได้ไม่เกินวันที่ 10 มีนาคม หรือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับมาตรการลดการเผาอ้อย ทางโรงงานมิตรภูหลวงได้รณรงค์ให้เกษตรกรตัดอ้อยสดอย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งรางวัลนำจับคนเผาอ้อย หากคดีถึงที่สุดแล้ว จะได้รับเงิน 50,000 บาท
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนรถเครื่องจักรสำหรับตัดอ้อยสด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7 คัน จากเดิม 20 คัน พร้อมกับสนับสนุนรถติดตั้งเครื่องสานใบอ้อย ปีนี้ส่งเสริมไป 170 ชุด รวมพื้นที่ประมาณ 70,000 ไร่ ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่โรงงานฯประกาศรับซื้อใบอ้อยตันละ 1,000 บาท ตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ซื้อไปแล้ว 6,000 ตัน จากที่ตั้งเป้าไว้ 40,000 ตัน ทำให้ในปีนี้โรงงานฯมีอ้อยสดเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 20 เป็นผลมาจากเกษตรกรให้ความร่วมมือตัดอ้อยสดเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็สนับสนุนเงินให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสด ขายได้เพิ่มอีกตันละ 130 บาท คาดว่าปีนี้จะได้อ้อยสดร้อยละ 70 ตามแผนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย มีข้อสรุปและข้อสั่งการที่สำคัญ 2 ประเด็น ดังนี้
1.น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำประปาในเขตเมืองสามารถมีน้ำประปาใช้ได้นานถึง 12 เดือน หากเกิดกรณีฝนไม่ตก ส่วนประปาตามอำเภอ ท้องถิ่น หมู่บ้าน ให้หาแหล่งน้ำสำรอง พร้อมทั้งสำรวจแหล่งน้ำใต้ดินด้วย มีการจัดตั้งศูนย์เคลื่อนที่เร็ว ช่วยเหลือประชาชนโยเฉพาะน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ส่วนน้ำเพื่อการเกษตร ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีการทำนาปรัง ยืนยันมีน้ำเพียงพอหรับอุปโภคบริโภคได้ถึงฤดูฝนปีนี้แน่นอน และให้ความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับน้ำใช้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ห้ามขาดแคลนน้ำอย่างเด็ดขาด
2. การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งมี 2 สาเหตุ คือ การเผาอ้อย และการไฟป่า จังหวัดเลยได้ดำเนินการ ดังนี้ 1) จัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อดำเนินการดับไฟให้ทัน เพื่อไม่ให้ลุกลามไปไหม้พื้นที่อื่นๆ 2)ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีที่เกิดการเผาทุกครั้ง 3) สร้างแรงจูงใจทั้งโรงงานน้ำตาลและประชาชน โดยโรงงานน้ำตาลได้ตั้งรางวัลนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแสการเผาอ้อย กรณีคดีถึงที่สุด จำนวน 50,000 บาท พร้อมรณรงค์รับซื้ออ้อยสด รับซื้อใบอ้อยเพื่อเป็นเชื้อเพลงให้ราคาสูงถึงตันละ 1,000 บาท พร้อมประสานโรงงานน้ำตาลให้ดำเนินการตามมติ ครม.อย่างเคร่งครัด 4) มอบสาธารณสุขจังหวัดเลย ติดตามให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพประชาชน จากค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน
