วันที่ 21 มิ.ย. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้หลายคนต้องการทราบถึงมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากสถานการณ์วิกฤตพลังงาน ซึ่งมีแนวโน้มยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้จากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรป คาดว่าจะส่งผลกระทบหนักหน่วงในหลายมิติ
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวตลอด สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าครึ่งปี 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นทุกวัน บางวันลดลงเล็กน้อย บางประเทศงดการส่งออกโภคภัณฑ์ที่จำเป็น ทำให้ห่วงโซ่อุปทานของบริโภคขาดแคลน คงเข้าใจคำว่าห่วงโซ่อุปทานมันมีผลผูกพันกันทั้งสิ้น เงินเฟ้อสูงทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป สูงกว่าร้อยละ 8 ในรอบหลายสิบปี ทำให้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชนปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น สินค้าราคาแพง
ที่ประชุม มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนและภาคธุรกิจเร่งด่วน ดังนี้
1. ตรึงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี 15.59 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับแท็กซี่ในกรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. – 15 ก.ย.
2. กำหนดการขายปลีกแอลพีจี 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค. – ก.ย.
3. ให้ส่วนลดราคาแอลพีจี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 100 บาทต่อราย / เดือน 3 เดือน ถึงเดือน ก.ย. ส่วนผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ จะได้รับส่วนลดการซื้อก๊าซหุงต้มจำนวน 100 บาทต่อราย 3 เดือน
4. อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 ส่วนที่ราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตร 3 เดือน ถึง ก.ย.
5. คงราคาตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร
6. นำส่งกำไรจากค่าการกลั่นน้ำมันส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อลดภาระค่าน้ำมันให้กับประชาชนทั้ง ดีเซล และ เบนซิน ในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย.