Categories
ข่าว

กลัวปะทะกัน!! “มงคลกิตติ์” สอนน้อง เตือนชุมนุมลงถนน แก้ปัญหาไม่ได้ สุดท้ายจบไม่สวย

วันที่ 2 มี.ค.63 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย และ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ยื่นหนังสือต่อ นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา เพื่อเสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อนำปัญหาการจัดชุมนุมทางการเมืองของนิสิต-นักศึกษาเข้าสู่สภา ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย

นายพิเชษฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาขณะนี้ ประชาชนมีความหวั่นวิตก ดังนั้น ในฐานะส.ส.จึงเห็นว่าควรนำเรื่องเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นสถานที่ศูนย์รวมอำนาจ ถือเป็นทางออกดีที่สุด จึงอยากให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อให้ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาเข้ามาสู่สภา ผ่านการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ และจะได้เชิญบุคคลเกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง

ด้าน นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประมาณ 20-30 จุด แต่ละจุดมีมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คิดว่าถ้ารวมกันแล้วน่าจะมีจำนวนประมาณแสนคน ส่วนใหญ่อาจไม่พอใจกับการยุบพรรคอนาคตใหม่และไม่เข้าใจถึงเหตุผลในการยุบพรรค รวมไปถึงการต้องการให้นายกฯลาออก ยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องการให้องค์กรอิสระลาออก

“ในฐานะผมเคยเป็นผู้นำนักศึกษามาก่อน จึงอยากบอกไปยังนักศึกษาว่าสามารถจัดชุมนุมตามกฎหมายได้ แต่ต้องไม่ไปริดลอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการปราศรัยต้องไม่กระทบสถาบันอันเป็นที่รักของประชาชน

ทั้งนี้ หากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 123 คิดว่าจะสามารถนำปัญหาเข้าสู่สภา และทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาเข้ามาชี้แจง รวมทั้งให้ตัวแทนรัฐบาลมารับฟังและชี้แจง คาดว่าการเข้าชื่อน่าจะได้ครบจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ในเร็วๆนี้ แม้จะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมก็ตาม”นายมงคลกิตติ์ กล่าว

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และรัฐบาลครองเสียงส่วนใหญ่ในสภา หากเจรจากันไม่ได้ก็อาจมีพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และเปลี่ยนแปลงไปตามระบอบในสภา แต่หากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยการลงถนน ตนไม่เห็นด้วย เพราะจบไม่ค่อยสวย ส่วนใหญ่จะเกิดการปะทะกัน ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ดังนั้น อยากให้ปัญหาทุกอย่างยุติด้วยความเข้าใจกัน และเปลี่ยนแปลงในระบบรัฐสภาจะดีกว่า

เมื่อถามว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเสียงสนับสนุนของรัฐบาล ทางพรรคเล็ก 18 พรรคจะรวมตัวเพื่อขอโควตาเข้าไปมีตำแหน่งในฝ่ายบริหารหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เวลานี้ตัวเลขไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว แต่ที่สำคัญกว่า คือ การหาคนมาทำงานและการบริหารประเทศให้ได้กำไร ถ้าทำได้ปัญหาบ้านเมืองจะคลายตัวลง ถ้าทำไม่ได้จะเกิดปัญหาความชอบธรรมในทางการเมืองของรัฐบาล

ขณะที่ นายราเมศ กล่าวว่า จะรับเรื่องและเรียนไปยังประธานรัฐสภา เพื่อดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาต่อไป