Categories
ข่าว

พร้อมไปทันที!! ‘ธรรมนัส’ ลั่น! หากประชาชน ไม่เอาแล้ว ไม่มีประโยชน์กับบ้านเมือง (คลิป)

วันที่ 9 มี.ค.63 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า คนสนิทผู้ติดตามตนเองได้กักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น เพื่อขายต่อให้กับนายทุนจีนและผู้อื่นนั้น

จากการตรวจสอบพบว่าผู้กักตุนและขายหน้ากากอนามัยคือนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตัวเอง ส่วนนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของตัวเองนั้น ได้ยืนยันว่าได้ไปพบกับนายศรสุวีร์ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง เพื่อเอาไปแจกประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งของนายพิตตินันท์ โดยได้ไปพบกันที่โรงแรมแมริออท (ประตูน้ำ) กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยกันและไม่เคยรู้จักกันกับนายศรสุวีร์มาก่อนโดยเป็นการพบกันครั้งแรก

เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ขอให้นายพิตตินันท์ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ในความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคาและในความผิดที่ถูกนายศรสุวีร์แอบอ้างนำข้อความไปโพสต์ดังกล่าว พร้อมกับให้นำหลักฐานการแจ้งความมาแถลงข่าวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบอีกทางแล้วโดยนายพิตตินันท์จะดำเนินการในวันนี้

นายพิตตินันท์ รักเอียด เคยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้าจริง แต่หากพบว่านายพิตตินันท์ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายศรสุวีร์ดังกล่าว ข้าพเจ้าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับนายพิตตินันท์ทันที พร้อมทั้งได้ประสานไป สภ. หนองปรือ จังหวัดชลบุรี ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ หากพบว่ามีการกักตุนหน้าหากจริง ก็จะเข้าไปทลายวงจรอุบาทว์นี้ด้วยตัวเอง และได้ตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากผิดจริงจะให้ออกจากคณะทำงานและดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด พร้อมย้ำว่าไม่ว่าใครหน้าไหนถ้าทำผิดจริงก็จะไม่เอาไว้แน่นอน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คนที่จะสามารถกักตุนหน้ากากได้ถึง 200 ล้านชิ้น จะต้องมีอำนาจหรือรู้จักกับผู้มีอำนาจ ถึงได้สินค้าจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ก็ปฏิเสธว่าไม่ทราบถึงขบวนการ กำลังตรวจสอบอยู่ และไม่เชื่อว่าจะมีหน้ากากถึง 200 ล้านชิ้น อาจจะแค่โม้หรือว่าอยากดังจึงไปถ่ายรูปกับคณะทำงานเท่านั้นเอง

ส่วนที่มีการอ้างชื่อตนเองเป็นประจำ เพื่อนำไปทำธุรกิจ ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ทราบ แต่ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจดังนั้นการเสนอข่าวต่างๆ อยากให้สื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะไม่อยากไปเอาผิดกับใครในภายหลัง พร้อมกันนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งความเอาผิดกับเพจดังที่เปิดเผยข้อมูลแล้ว ส่วนตัวโรงงานที่ผลิตหน้ากากนั้น ก็ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบเพราะเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้า และไม่รู้จัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวอีกว่า คนที่อ้างว่ามีหน้ากาก มีพฤติกรรมชอบโพสต์ตำหนิการทำงานของรัฐบาลเป็นประจำ และเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง

เมื่อถามย้ำว่าถอดใจหรือไม่เพราะชื่อของตัวเองตกเป็นเป้าและมักถูกโจมตีอยู่เพียงคนเดียวในรัฐบาลชุดนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ก็ตอบว่าไม่ถอดใจ โดยยืนยันที่เข้ามาเพื่อทำงานให้กับบ้านเมือง และดูแลประชาชน หากวันหนึ่งประชาชนไม่ต้องการหรือไม่เอาแล้ว เห็นว่าไม่มีประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่ต้องปรับพร้อมไปทันทีเพราะไม่มีอาชีพเป็นนักการเมือง และเมื่อช่วงเช้าได้เเจ้งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยนายกฯได้สั่งให้ดำเนินการชี้แจง พร้อมทั้งสอบสวนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเดือนร้อนของประชาชน.