ความจริงตัวเลขยาเสพติดร้อยเอ็ด! ไม่ได้มีผู้เสพ 1 คนอย่างที่แชร์กัน หลายคนอาจจะเห็นไวรัลที่ว่าร้อยเอ็ดพบผู้เสพแค่ 1 คน ผู้ค้า 3 คน… หยุดแชร์ก่อน! นั่นเป็นข้อมูลแค่ช่วงสั้นๆ 5 วันเท่านั้น
ข้อเท็จจริงคือ จากปฏิบัติการกวาดล้างจริงจังแบบ Re X-ray ทั่วทั้งจังหวัด (พ.ค. 67 – มี.ค. 68) เราพบตัวเลขที่น่ากังวลกว่านั้นมาก: พบผู้เสพ 19,824 คน พบผู้ค้า 202 ราย
ตัวเลขนี้สะท้อนสถานการณ์จริงที่จังหวัดร้อยเอ็ด และทุกภาคส่วนกำลังเร่งแก้ไขปัญหากันอย่างเต็มที่ การแชร์ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ช่วยกันแชร์ข้อเท็จจริงนี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ที่ถูกต้อง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังต่อไป
ข้อมูลที่สร้างความฮือฮาดังกล่าว มีที่มาจากการที่แต่ละจังหวัดได้นำส่งบัญชีรายชื่อผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดในช่วงต้นของปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยตัวเลขผู้ค้า 1 ราย และผู้เสพ 3 รายของจังหวัดร้อยเอ็ดที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เป็นเพียงข้อมูลที่รวบรวมได้ในช่วงเวลาจำกัดของปฏิบัติการดังกล่าวเท่านั้น
ข้อเท็จจริงของสถานการณ์ยาเสพติดในจังหวัดร้อยเอ็ด จากปฏิบัติการเชิงรุก “Re X-ray”
ในความเป็นจริง จังหวัดร้อยเอ็ดได้มีการดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ผ่านปฏิบัติการ Re X-ray ในทุกพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้เสพและผู้ค้าอย่างจริงจัง ซึ่งผลการดำเนินงานได้แสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่สูงกว่าข้อมูลที่ถูกแชร์ไปอย่างมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือผลการดำเนินงานของ “ธวัชบุรีโมเดล” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2567 จากการ Re x-ray ประชาชนในพื้นที่ สามารถตรวจพบผู้เสพยาเสพติดจำนวนถึง 1,749 คน และได้นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูแล้ว
นอกจากนี้ ตลอดช่วงระยะเวลาการกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายรัฐบาล (พ.ค. 67 – มี.ค. 68) จากการตรวจค้นและ Re x-ray ทั่วทั้งจังหวัดร้อยเอ็ด พบผู้เสพรวม 19,824 คน และพบผู้ค้า 202 ราย
ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในจังหวัดร้อยเอ็ดยังคงต้องมีการเฝ้าระวังและดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขผู้เสพ 1 ราย ผู้ค้า 3 รายนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ถูกนำเสนอในช่วงปฏิบัติการสั้นๆ เท่านั้น ไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมดของปัญหา
จึงขอความร่วมมือทุกท่านในการแชร์ข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและสร้างความตื่นตระหนกในสังคมต่อไป