Categories
ข่าว

เปิดหน้ามาสู้เลย! สนธิญายื่นเอกสารต่อ ปอท. ขอตรวจสอบเพจแหม่มโพธิ์ดำ

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 63) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางนำหลักฐานเป็นสำเนาหน้าเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” เข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท. ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลหลังเพจดังกล่าวมีการโพสต์กรณีกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น

นายสนธิญา กล่าวว่า ตนเดินทางมา ปอท. ในนามส่วนตัวในฐานะสมาชิกพรรค และไม่มีส่วนได้เสียกับเรื่องดังกล่าว ต้องการให้เกิดความชัดเจนว่าเพจแหม่มโพธิ์ดำคือใคร มีที่อยู่ในการจัดตั้งเพจที่ไหนและเป็นโปรไฟล์จริงหรือไม่ หลังเพจนี้ได้โพสต์ข้อความอ้างอิงจากกรณีของ “นายบอย” ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้สร้างความเสียหายและตื่นตระหนกในสังคม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยมีโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพียง 13 โรงงาน มีกำลังการผลิตไม่เกิน 30 ล้านชิ้นต่อเดือน หากใครจะกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ต้องใช้เวลาในการเหมาซื้อทั้งหมดทุกโรงงานและซื้อทุกวันนานถึง 7 เดือน ก่อนเกิดโรคระบาด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ หลังจาก ปอท. ตรวจสอบตัวบุคคลแหม่มโพธิ์ดำได้แล้ว ตนจะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแหม่มโพธิ์ดำอีกครั้งในข้อหานำเข้าสู่ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

พร้อมทั้งยังฝากให้ ปอท. ตรวจสอบข้อมูลเรื่องเงินบริจาคเข้าเพจแหม่มโพธิ์ที่ออกมาโพสต์ว่า ได้รับเงินบริจาคจากดารานักร้อง ร่วม 1 ล้านบาท และสามารถจัดซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 25,000 ชิ้น ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และซื้อมาจากที่ไหน ซื้อมาในราคาสูงเกินไปหรือไม่ และเข้าข่ายกักตุนสินค้าไหม เพราะหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม

นายสนธิญา กล่าวว่า ฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่เรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี ตนมองว่าตามมารยาทแล้วเป็นสิทธิของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และตนขอถามกลับว่าในอดีตเคยมีรัฐมนตรีไปพัวพันเรื่องกัญชา ตอนนี้ยังเป็น ส.ส. อยู่ใช่หรือไม่ ยืนยันว่า ตนยังศรัทธาในความสุจริตของการทำงานคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และตนยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีคณะทำงานเป็นผู้ติดตามจำนวนมาก เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านจะไม่รู้รายละเอียดของคนติดตามทั้งหมดแน่นอน ยืนยันว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้มีใบสั่ง แต่ตนมาในนามส่วนตัว โดยไม่ได้แจ้งกับพรรคก่อน

“หากแหม่มโพธิ์ดำ มั่นใจว่าจะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ก็ขอให้ออกมาเปิดหน้าเหมือนนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่เปิดหน้าชัดเจนและไม่สนถ้าถูกฟ้องกลับ เหมือนที่เคยร้องเรียนจนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปแล้ว”