Categories
ข่าว

ห้ามออกจากบ้าน!! ตร.ตั้งด่าน 421 จุดทั่วประเทศ จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว จับฝ่าฝืนเคอร์ฟิว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 เม.ย.ที่ ศบค.พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงว่า ในการปฏิบัติของฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ทาง ผบ.ทสส.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงได้หารือเป็นระยะกับทาง ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร.และปลัดกระทรวงมหาดไทย กำหนดแนวทางในการปฏิบัติเพื่อรองรับมาตรการต่างๆที่รัฐบาลได้ประกาศออกมา ซึ่งในส่วนของด่านตรวจ ซึ่งเป็นจุดตรวจคัดกรองในรอยต่อระหว่างจังหวัดและกรุงเทพมหานครจะมีการปรับจุดตรวจคัดกรอง ซึ่งมีทั้งหมด 421 จุด โดยมุ่งเน้นการใช้กฎหมายให้เข้มข้นมากขึ้นและจากควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่นในช่วงเวลาที่ประกาศเคอร์ฟิว 22.00-04.00 น.จะต้องไม่มีการเดินทางยกเว้นเงื่อนไขตามที่กำหนดได้ระบุ และตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงเห็นพ้องร่วมกันว่าจะต้องมีการเพิ่มจุดตรวจร่วม หรือชุดเคลื่อนที่เร็ว ในลักษณะของใยแมงมุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งจะเป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างตำรวจ ฝ่ายปกครองกรุงเทพมหานคร และ รอ.รมน.จังหวัด รวมทั้งสารวัตรทหาร จะร่วมกันจัดจุดตรวจครอบคลุมทุกพื้นที่ และจะมีการเพิ่มสายตรวจในทุกสถานีตำรวจเพื่อให้กระจายไปถึงระดับ อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน และร่วมกันทำงานระหว่างตำรวจ ฝ่ายปกครองและทหาร ที่จะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข อสม.ในการไปเคาะประตูบ้านเพื่อตรวจสอบคัดกรองผู้ที่อาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยร่วมปฏิบัติเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกและ ความปลอดภัย

พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ยังมีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศฉบับต่างๆตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อหรืออื่นๆจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา ในทุกๆข้อหา

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อยากขอความร่วมมือให้ออกจากบ้านและที่พักอาศัยเท่าที่จำเป็น เพราะจุดมุ่งหมายในการออกข้อกำหนดต่างๆก็เพื่อเป็นข้อห้ามสำหรับผู้ที่ยังมีพฤติกรรมเดินทางแบบปกติ ไม่ปฏิบัติตามแนวทางการรักษาระยะห่างระหว่างสังคม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ยังมีบางคนยังออกไปเป็นเด็กแว้น จัดปาร์ตี้ จัดงานวันเกิด หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตอีกเด็ดขาด ส่วนการหยุดยกเว้นมี 2 ลักษณะด้วยกัน คือการยกเว้นทั่วไปตามที่นายวิษณุได้ชี้แจงไปแล้ว ในเรื่องการประกอบอาชีพต่างๆ ความจำเป็นทางด้านสุขภาพการขับเคลื่อนสังคมตามวิถีอาชีพ ด้านกฎหมาย ด้านอุปโภคบริโภคสาธารณูปโภคต่างๆ จะไม่ทีปัญหา

“แต่ถ้าพนักงานที่ ทำงานอยู่ในบริษัทที่อยู่ในเงื่อนไขยกเว้น จะต้องมีเอกสารสำคัญติดตัวไว้ตลอดเวลาประกอบด้วยบัตรประชาชน เอกสารรับรองจากนายจ้าง ผู้ประกอบการ ผู้จัดการหรือหัวหน้าโดยมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นใคร สังกัดที่ไหน และมีหน้าที่ในผลัดกลางคืนอย่างไร และมีความจำเป็นต้องออกมาเพราะมีเหตุสุดวิสัยโดยกำหนดวันเวลาที่ชัดเจน เมื่อมีเอกสารทั้งสองอย่างและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจก็จะมีการพิจารณาถึงความจำเป็นและสามารถผ่านได้ แต่ถ้าเป็นประเภทออกมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอน ทั้งนี้อยากขอร้องว่าพนักงานที่จำเป็นจะต้องอยู่ดึกจนถึงเวลา แต่ หากจำเป็นเลยสัก 5 นาทีก็ไม่น่าจะมีปัญหาขอร้องให้ปรับการใช้ชีวิตให้เกิดความเหมาะสม เผื่อเวลาเดินทางไว้ด้วย”โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเป็นผู้ที่ขายอาหารสดที่ต้องเปิดแผงในช่วงกลางดึกยังสามารถทำได้หรือไม่ พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า เรื่องนี้มีความจำเป็นและต้องทำตามข้อกำหนดที่ได้ประกาศออกมา ประชาชนที่ประกอบอาชีพต่างๆจำเป็นต้องปรับพฤติกรรม ท่านผู้ที่ขายอาหารสดหรือ สตรีต ฟู๊ด คงผ่อนผันไม่ได้เพราะตามข้อกำหนดเป็นการห้ามคนออกจากบ้านในช่วงเวลา

เมื่อถามว่าถนนในชุมชน หมู่บ้าน ในซอยขนาดเล็ก ประชาชนสามารถออกนอกเคหะสถาน เพื่อมารวมกลุ่มได้หรือไม่ แล้วเจ้าหน้าที่จะทราบได้อย่างไรพล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า วันนี้เราได้ปรับรูปแบบการทำงานในลักษณะจุดตรวจเคลื่อนที่มีเจ้าหน้าที่สายตรวจแทรกซึมไปในทุกจุด ซึ่งหลักการนี้ชัดเจนว่าห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาที่กำหนด ดังนั้นจึงขอให้อยู่ในบ้าน ดังนั้นแม้แต่การออกมาในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน ถนนในหมู่บ้าน ก็ไม่ได้เช่นกัน

เมื่อถามว่าหากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดตามข้อกำหนดจะต้องแจ้งที่ไหนหรือเฉพาะที่จุดตรวจของเจ้าหน้าที่เท่านั้น พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า ประชาชนที่พบเห็นการกระทำผิด ขอให้แจ้งที่หมายเลข 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง พร้อมสายตรวจจะเข้าไปยังที่เกิดเหตุทันที อย่าลืมว่าสถานการณ์ในปัจจุบันในทางกฎหมายแม้จะผิดเพียงกรรมเดียว แต่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับซึ่งที่ผ่านมาก็มีบทลงโทษแล้ว เช่นกรณีชุมนุมมั่วสุมนอกจากผิดพระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ก็จะผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ รวมทั้งข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่ ที่ผ่านมาศาลได้ตัดสินลงโทษไม่มีการรอลงอาญาจึงอยากจะขอวิงวอนให้ทุกคนทำตามข้อกำหนดต่างๆและอยู่ในเคหะ

เมื่อถามว่าถ้าบุคคลที่อยู่ในหอและบ้านเดียวกันแต่ตั้งวงดื่มสุราถือว่ามีความผิดหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า แพทย์ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงแล้วว่าแม้แต่ในบ้านยังต้องรักษาระยะห่าง และยิ่งออกนอกบ้าน ก็จะเข้าเงินไขความผิดนอกเคหสถาน ซึ่งช่วงสถานการณ์ในขณะนี้ขอวิงวอนทุกคนช่วยชาติอยู่ในบ้านรักษาระยะห่างพอสมควร แต่ไม่ต้องวิตกหากมีความจำเป็นที่ต้องออกนอกบ้านแม้จะเลยเงื่อนไขตามอาชีพที่ระบุ ขณะนี้ศบค.กำลังพิจารณาอีกหลายอาชีพ ที่อาจเข้าเงื่อนไขเช่นเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง ก็สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้

“กรณีเกิดเหตุร้ายจำเป็นจะต้องไปแจ้งความสามารถเดินทางได้ถือเป็นเหตุเกี่ยวข้องกับความจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมโดยตรง แต่ถ้าเป็นเรื่องเอกสารหายขอให้รอวันรุ่งขึ้นดีกว่า หรือความจำเป็นเร่งด่วน ป่วย สิ่งเหล่านี้สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจได้เจ้าหน้าที่จะดูความจำเป็นในแต่ละกรณี และหากปฏิบัติตามเงื่อนไขและมีหลักฐานที่ชัดเจน มีเอกสารระบุได้ว่าจะไปที่ไหน อย่างไรเจ้าหน้าที่จะพิจารณาให้ เราจะดู 2-3 วันก่อนแล้วถึงค่อยขยับกันอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่ต้องวิตกกักตุนอาหารอะไรทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ”พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว