Categories
ข่าว

ขอขอบคุณน้ำใจ ลุงแท็กซี่จะกระโดดน้ำ ได้รับการลงทะเบียนเยียวยาโควิด สัญญาจะไม่ทำอีก

จากกรณีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 15 เม.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนจะกระโดดน้ำ อยู่ภายในบึงพลาญชัย เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด จึงออกตรวจสอบพร้อมชุดสายตรวจจักรยานยนต์และอาสากู้ภัยนครสาเกต

ถึงจุดเกิดเหตุเป็นสะพานข้ามเกาะกลางบึงพลาญชัย ไปยังถนนหายโศรก พบชายสูงอายุ สวมเสื้อคล้ายคนขับแท็กซี่ กำลังปีนราวกันสะพานกระโดดน้ำลงไปในบึงพลาญชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปเกลี้ยกล่อม ใช้เวลากว่า 30 นาที ชายคนดังกล่าวจึงยอมลงจากราวกั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำขึ้นรถไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด

จากการสอบถามทราบชื่อคือ นายวิชิต วินทะไชย อายุ 64 ปี ชาวอำเภอเมืองร้อยเอ็ด ได้เล่าว่าก่อนหน้านี้ตนได้ขับแท็กซี่อยู่ที่ กทม.เป็นเวลานานกว่า 20 ปี ก่อนจะมาเจอวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ไม่ค่อยมีผู้โดยสาร ไม่มีเงินผ่อนรถแท็กซี่ จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนาที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ทางรัฐบาลจึงมีมาตรการเยียวยา โดยให้ลงทะเบียนในเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน แต่เนื่องจากตนไม่มีความรู้ในการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน จึงได้ว่าจ้างให้ร้านคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งช่วยลงทะเบียนให้ ถึง 2 รอบ แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด จึงเกิดความเครียดเนื่องจากตนมีภาระค่าใช้จ่ายและเป็นหนี้กว่า 50,000 บาท ช่วงเช้าวันนี้ตนจึงได้ขับรถออกมาที่บึงพลาญชัย หวังจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่ก็มีเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือไว้ทัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคุณลุงโชว์เฟอร์แท็กซี่ นำส่งกลับภูมิลำเนา และประสาน พม.ร้อยเอ็ด ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และประสานเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงทะเบียนเยียวยา 5,000 บาท เข้าให้การช่วยเหลือต่อไป

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 16 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 17 ม.6 บ.โนนเลี่ยม ต.หัวโนนตาล อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ได้ไปพบกับ นายวิชิต วินทะไชย อายุ 64 ปี จากการสอบถามเล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 มี.ค.63 ตนได้เดินทางกลับจาก จ.สมุทรปราการ เนื่องจากตนขับรถแท็กซี่ ไม่มีผู้โดยสาร มานานกว่า 2 เดือน รถแท็กซี่ที่ผ่อนมาเป็นเงินกว่า 1.5 แสนก็ต้องส่งคืนอู่ไป

ตนกลับมาถึงบ้านหลังนี้เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 เม.ย.63 ซึ่งก็ต้องเข้าสู่ระบบการกักตัว 14 วัน เนื่องจาก จ.สมุทรปราการมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตามประกาศของกรมควบคุมโรค ซึ่งในช่วงนั้นตนก็เหลือเงินติดตัวประมาณ 200 กว่าบาท ตนต้งอาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ตำน้ำพริกกินกับมะม่วง บางวันก็มีเพื่อนบ้านแบ่งข้าวให้กินเนื่องจากแม่ก็พึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็เกิดความน้อยใจ ประกอบกับเงินเยียวยาที่ลงทะเบียนไว้ 5,000 บาทก็ลงทะเบียนไม่ผ่าน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 เม.ย.63 ตนได้กักตัวครบ 14 วัน ก็เหลือติดตัวเพียง 100 บาทจึงได้โทรไปหาลูก แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เนื่องจากลูกก็มีครอบครัว หาเงินใช้ในครอบครัวก็ลำบากเช่นกัน จนเช้าวันรุ่งขึ้น 15 เม.ย. ตนจึงได้ขับรถออกจากบ้านพัก เพื่อไปสักการะศาลหลักเมืองที่บึงพลาญชัย ซึ่งตนก็เคยกราบขอพรไว้ซึ่งก็สำเร็จทุกประการ หลังจากไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จ ตนก็ไม่ได้สติ เดินไปที่โรงพยาบาลหลักเมือง ก่อนจะเดินกลับมาที่บึงพลาญชัย ในระหว่างที่ตนจะข้ามสะพานมายังเกาะกลางบึง ตนจึงคิดว่าอยากจะตายก่อนจะทิ้งถุงของ และกำลังจะปีนราวสะพานเพื่อกระโดน้ำฆ่ าตัวตา ย แต่เคราะห์ดีที่มีคนเข้ามาช่วยไว้ทัน และนำตนไปพบแพทย์ กลับส่งกลับภูมิลำเนา

ช่วงเช้าวันนี้ 16 เมย.ตนก็ได้รับการช่วยเหลือจาก พม.จังหวัดร้อยเอ็ด และมีเจ้าหน้าที่ ธ.ออมสิน มาช่วยลงทะเบียนคนไทยไม่ทิ้งกัน จนสำเร็จ ตนก็ขอขอบใจคนร้อยเอ็ดที่ไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อตนได้รับเงินดังกล่าวก็จะนำไปผ่อนใช้หนี้ที่ยืมเพื่อนมา 9,000 บาท หากวิกฤตโรคไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ตนก็จะกลับไป กทม เพื่อไปประกันแท็กซี่ขับตามเดิม เพราะตนอยู่ตัวคนเดียว ทำงานหนักก็ไม่ได้เนื่องจากมีโรคเบาหวาน และขอสัญญาว่าตนจะไม่คิดสั้นฆ่ าตัวตายอีก