Categories
ข่าว

เปิดใจ! “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ยันขอให้ฉิบหาย ถ้าเอาเงินน้ำท่วมมาช่วยโควิด

ท็อป บิณฑ์ และ ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เปิดใจกับ หนุ่ม กรรชัย ผ่านรายการ โหนกระแส กรณีลงพื้นที่แจกเงินให้ชาวบ้านในช่วงโควิด-19 ระบาด

ทั้งสองท่านลงพื้นที่ไปแจกเงิน เป็นโครงการหรือยังไง?
บิณฑ์ : “ไม่ใช่โครงการ เป็นความเร่งด่วนและฉับไว เป็นความคิดของผม ผมเจอเหตุการณ์วันนั้นที่คิดเลยนะ เจอเหตุการณ์สี่แยก มีคนมาเคาะรถขอตังค์

เราบอก โห นี่มันถือว่าหนักหนาแล้วนะ มันเริ่มมีโควิดแล้วรัฐบาลประกาศให้อยู่ในบ้าน ไม่ควรออกมานอกบ้าน กิจการพวกห้างร้านปิดหมด ประมาณอาทิตย์กว่าเกือบ 2 อาทิตย์

ผมโทรไปปรึกษาผู้ใหญ่ ขอข้าวก็ยังดี เอาข้าวทำไปให้เขา ผมมีคนทำ เขาก็บอกกลัวว่าคนออกมารับแล้วจะดูไม่สวยไม่งาม คนจะแย่งกัน ผมก็เออ มันก็ใช่

ผมก็กลับไปคิดที่บ้านจะทำยังไงดีวะ ผมนึกเลยว่า ณ ตอนนั้นคนไม่ได้ต้องการข้าว มันอาจมีบ้าง แต่แน่นอนคือเขาต้องการเรื่องเงิน มันเริ่มมาตั้งแต่อุบลฯ แล้ว แจกเงินปุ๊บเขาเหมือนแทบจะกราบและร้องไห้เลย”

เขาอยากได้เงิน?
บิณฑ์ : “เขาอยากได้เงิน แล้วที่ผมไป เขาทำงานเป็นรายวัน เขาหยุดงานมา 2 อาทิตย์ หาเช้ากินค่ำ ไม่มีอะไรเลย ลูกต้องอยู่กับพ่อแม่ บางครอบครัวอยู่กันเป็นสิบๆ คน มันทำให้เรารู้ว่ามันอนาถมาก มันไม่ได้”

พี่เลยลงพื้นที่?
บิณฑ์ : “ตอนแรกผมไปกัน 3 คนที่คอกหมูคลองเตย มีเงินไป 3 แสน เดินลุยไปกับเพื่อน ถามผู้นำชุมชนว่าคนไหน ขออนุญาตนะครับมีกี่ครอบครัว เขาบอกมี 500 กว่าครอบครัว ผมก็เออ 3 แสน ผมพอ”

เงินพี่เองเลย?
บิณฑ์ : “เงินผมเอง ไปวันแรกคือ 3 แสน เดินก็เรียกแจก 500 มานั่งเป็นระเบียบ นั่งห่างกัน รับกันจนจะหมด มีพี่น้องรอบๆ รู้ข่าวก็แห่กันมา

ผู้นำบอกว่าไม่ใช่ที่บ้านเขา เขารับผิดชอบแค่ลูกบ้าน ผมก็ต้องหยุด เพราะมันเกินโควตาที่บอกไว้ เขาก็เสียใจ ผมก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ต้องกลับไปบ้านเอาเงินมาใหม่”

บ้านพี่ปลูกเงินเหรอ?
“ผมมีครับ ผมพอ ผมไม่ได้รวยมาก แต่พอมีอันจะกินครับ”

มีคนเขาว่าเงินที่เอามาแจก เป็นเงินจากน้ำท่วม?
บิณฑ์ : “ถ้าผมใช้เงินจากน้ำท่วมขอให้ผมฉิบหายหมดเลย ผมนับถือพระ นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าใช้แม้แต่บาทเดียวขอให้ฉิบหาย เงินน้ำท่วมไม่มีค้าง ผมจัดการเรียบร้อยทุกอย่าง ผมปิดบัญชีหมดแล้ว”

เอกพันธ์ : “เงินบริจาคน้ำท่วมอุบลฯ ทำบัญชีทุกบาททุกสตางค์ให้กับภาษี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ เงิน 400 กว่าล้านว่าทำอะไรบ้างตั้งแต่วันแรกจนวันปิดบัญชี ตัวเลขทั้งหมด จบและปิดบัญชีในวันนั้นเรียบร้อย ไม่เหลือเลย”

บิณฑ์ : “มันเบิกมาไม่ได้อยู่แล้ว ผมปิดหมดทั้งสองบัญชีเรียบร้อยหมด และมีค่าใช้จ่ายที่ค้างจ่ายที่ผมเช็กไว้แล้วจะต้องจ่าย มีโควิดมาปุ๊บเรื่องรถผมจะเอาไปมอบให้ รพ.อุบล ก็ไปไม่ได้ เพราะต้องโดนกักตัวอะไร ก็เก็บไว้ก่อน

ฉะนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ ผมตั้งไว้ 10 ล้าน เป็นเงินที่เรียกว่าอานิสงส์จากน้ำท่วมอุบลฯ ที่ผมได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ผมได้ 10 กว่าล้าน ผมพูดก่อนโควิดจะมาว่าผมไม่สมควรจะได้เงิน 10 กว่าล้านจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์”

วันนี้เอา 10 กว่าล้านออกมา?
บิณฑ์ : “ผมมีโครงการอยู่แล้วจะนำเงิน 10 กว่าล้านให้ รพ.นั้น รพ.นี้ ทำโครงการนั้นโครงการนี้ แต่พอมีโควิด ผมก็เอามาช่วยตรงนี้ดีกว่า

ผมลงไปวันนั้นก่อนโควิดจะมาด้วย คนบอกคุณบิณฑ์ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เก็บไว้สิ แต่ผมไม่จำเป็น ผมพอ ผมรู้ ถ้าผมมีความสุข แต่ชาวบ้านหลายคนไม่มีความสุขผมอยู่ได้ยังไง ผมไม่สามารถอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยพี่น้องประชาชนก็เป็นผู้มีพระคุณกับผม ดูละคร ดูหนังผม เงินตรงนี้ผมไม่เสียดาย

ผมรู้สึกดีใจด้วยซ้ำไปที่เราได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณพวกเขา ได้ช่วยเหลือเขา อย่างคุณเอกพันธ์ ก็เตือนว่าทำไมไม่เก็บ ก็บอกว่าอย่าดีกว่า

ผมยังไม่รู้เลยว่าโควิดจะหมดเมื่อไหร่ ไม่รู้คนเดือดร้อนจะหายไปเมื่อไหร่ วิกฤตนี้คือประวัติศาสตร์ ถ้าไม่ออกมาช่วยตอนนี้จะช่วยเขาตอนไหน เหมือนอุบลฯ ก็คือประวัติศาสตร์ เราต้องช่วย

คนถามว่าทำไมไม่เปิดบัญชี ผมบอกว่า ณ ตอนนี้ทุกหย่อมหญ้าเดือดร้อนกันหมด ถ้าเปิดบัญชีจะไปเอาเงินจากใคร เขาก็ลำบาก

ผมแค่หวังว่าจะมีผู้ที่ใจบุญ มหาเศรษฐีต่างๆ หรือคนทำธุรกิจ อยากฝากเงินไปให้พี่น้องประชาชน ผมยอมทำให้ ยอมเหนื่อย เงินทุกบาทถ้าไว้ใจผม ผมทำได้”

ตอนนี้ลงไปกี่พื้นที่?
บิณฑ์ : “15-16 พื้นที่”

เอกพันธ์ : “ประมาณ 20 กว่าแล้ว ประมาณ 25 พื้นที่”

แต่ละพื้นที่ความยากลำบาก?
เอกพันธ์ : “แตกต่างกันนะระหว่างชุมชนแต่ละชุมชน สิ่งสำคัญคือเราเน้นเรื่องความแออัดความเป็นอยู่ ซึ่งเขามีสภาพความเป็นอยู่แตกต่างกัน บางหลังแตกเป็นห้องเช่า

บางชุมชุนเป็นสภาพแบบว่าพื้นที่นึงอยู่กันร้อยกว่าคน แต่มีห้อง 40 ห้อง ห้องนึงอัดกัน 7-8 คน มันเหมือนเป็นรวงผึ้ง เป็นช่องๆ ก็ได้เข้าไปเห็นถึงรู้ว่าบางพื้นที่ในกรุงเทพฯ ใจกลางเมือง มีสภาพที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

มีคลิปที่แชร์เยอะ ต้องแทรกตัวเข้าไป?
เอกพันธ์ : “แล้วสิ่งที่น่าสงสารคือห้องนึงเข้าไปข้างใน แม่พ่อลูก 5-6 คนอัดอยู่ในนั้น สักพักที่ผ่านมา ผมกับคุณบิณฑ์ต้องออกเงินสร้างบ้านให้เขาเลยนะ มีลูก 4 คน ลูกผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 1 คน หลังคาเวลาฝนตกฟ้ารั่ว พื้นเหยียบมีรู

วันดีคืนดีงูเหลือมมาบนบ้านเขา 10 กว่าครั้ง นอนไม่ได้ต้องอุ้มลูกหนีไปข้างนอก ไปเห็นสภาพนั้น คุณบิณฑ์เลยบอกว่าทำเลย ให้สร้างบ้านให้เขาเลย”

บิณฑ์ : “ไม่ได้บ้านหลังเดียว ยังมีอีก 3-4 หลัง ที่ผมมองไว้ว่าถ้าจบโควิดจะเข้าไปจัดการ”

เอกพันธ์ : “เขาให้ลูกน้องจดไว้เลยนะ บ้านไหนแย่ บางบ้านเป็นสภาพที่แย่มาก”

พี่ลงพื้นที่ มีชาวบ้านพูดถึงความเดือดร้อนยังไง?
บิณฑ์ : “เขาเดือดร้อนเรื่องทำมาหากิน ทุกวันเขารับจ้างรายวัน ออกไปหางานได้เงินมา 200-300 ช่วยครอบครัวได้ วันนี้บางคนเข็นขายอะไรไม่ได้ บางคนอาชีพนวดแผนโบราณ เขาก็ทำอะไรไม่ได้”

เอกพันธ์ : “ที่เราไป ไม่ใช่คนไทยอย่างเดียว มีคนต่างด้าวด้วยที่เขากลับบ้านไม่ได้ ทั้ง สปป.ลาว พม่า เวียดนาม อยู่ในบ้านเช่านั้นหมด ทำมาหากินไม่ได้เลย เงินที่เก็บไว้เป็นค่าแรงก็หมด รออย่างเดียวเมื่อไหร่คนจะเอาข้าวมาแจก เมื่อไหร่ผู้ใจดีเอาของมาแจก เขาจะไปเอามาประทังชีวิต ถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน เพราะปิดประเทศหมด กลับไม่ได้”

บิณฑ์ : “เมื่อวานเราเดินเห็นมั้ย ข้าวเปล่าจานนึง มีกุ้งแห้ง 4 ตัว”

เอกพันธ์ : “โห น้ำตาแทบจะไหล”

คนไทยไม่ได้รับ 5 พัน มีมั้ย?
บิณฑ์ : “มี ตาสีตาสาเขาเข้าระบบไม่ได้ ทำไม่เป็น รอขอข้าววันๆ นึง เงิน 10 ล้านผมไม่เสียดายเลยนะ”

ให้คนเท่าไหร่?
บิณฑ์ : “หลังคาเรือนละ 500 แต่ไม่ใช่แค่ 500 ถ้าอยู่กัน 4-5 ครอบครัวก็ให้ที 1500-2000 บ้านไหนมีผู้ป่วยติดเตียงก็ให้ 1500-2000

เมื่อวานเจอผู้ป่วยนอนในคอก อึ ฉี่ ผมบอกให้ลูกน้องจดไว้เดี๋ยวเสร็จเมื่อไหร่ผมจะมาพาไปจัดการตัดผม ล้างตัว เขาอยู่กันอย่างแออัด หน้ากากก็ไม่ได้ใส่”

เอกพันธ์ : “เรามีเจ้าหน้าที่บอกทุกบ้านว่าใครจะออกมารับเงินต้องใส่หน้ากากให้ถูกต้องและเว้นระยะห่าง แต่โชคดีผู้นำชุมชนเขาแข็งแรง เขาดูแลลูกบ้าน ประชาชนเขาได้

ภาพออกมาอย่างคนแก่นอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตนานมาก เห็นบิณฑ์เอาเงินไปให้ โอ้โห ไม่รู้จะพูดยังไง แล้ว 500 บาทไม่ใช่เฉพาะผู้ใหญ่ บ้านไหนมีเด็ก 5-6 คน เราก็ให้เด็กทุกคน คนละร้อย”

บางทีดูแล้วยังแปลกใจ พี่ได้รับ 1 ใน 20 จดหมายหรือเปล่า?
บิณฑ์ : “ไม่ได้รับครับ (หัวเราะ) ผมอันดับเป็นล้านครับ”

เอกพันธ์ : “มีเงินในบัญชีดูเลยสวยๆ 2 หลักสวยๆ งามๆ แต่ไม่สนตัวเลขเลย นึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ”

ทำไมคิดแบบนั้น เงินพี่ 10 กว่าล้าน?
บิณฑ์ : “ผมมีความสุขกับการได้เงิน และยิ่งมีความสุขถ้าผมเอาเงินนี้มอบเงินให้พี่น้องประชาชนที่ลำบาก ผมคิดแค่นั้นเอง

เขาลำบากแล้วเป็นเงินที่เราไม่ได้ต้องเหนื่อย ได้มาสบายๆ เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ เงิน 500 เขาบอกว่าอยู่เป็นอาทิตย์ เขาอยู่ได้เป็นสองสามอาทิตย์สบายๆ ถ้าคุณว่างไปเดินกับผม คุณจะรู้ว่าเป็นยังไง”

แจกไปเท่าไหร่?
บิณฑ์ : “6 ล้านกว่าแล้วครับ แต่กะ 10 กว่าล้าน มีผู้ใหญ่ใจดีมาสมทบทุนด้วย”

พี่ไทด์อยากได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปแจก?
เอกพันธ์ : “ใช่ครับ มีปัญหาคือเขาจะส่งเซลล์อย่างเดียว เราเดินไปซื้อเขาไม่ขายให้เพราะเขามีเจ้าประจำเขา ก็อยากขอสหพัทธ์ เราไม่ได้ไปขอฟรี แต่ขอให้เราซื้อสินค้ามาได้เยอะ เพราะสินค้าที่เอาไปแจกชาวบ้านจะหมดวันจันทร์นี้

อยากซื้อเยอะๆ เลย ไม่ต้องดูราคาให้เรา ขอแค่ให้ได้สินค้ามา ไม่อยากให้ขาดเท่านั้นเอง เพราะถ้าขาดแล้วชาวบ้านก็ไม่ได้ ตอนนี้มูลนิธิร่วมกตัญญู บิณฑ์ไปแจกสตางค์ เขาก็ตามเราไปแจกข้าวสารอาหารแห้งด้วย คุณบิณฑ์แจก 800 ครอบครัว ทางมูลนิธิก็แจก 800 ชุดเหมือนกัน”

ดูแลตัวเองกันยังไง กลัวโควิดมั้ย?
บิณฑ์ : “ตอบตรงๆ ผมกลัว”

เอกพันธ์ : “นอนกลางคืนคอแห้ง สะดุ้งตื่นขึ้นมา กูเป็นหรือเปล่าวะ(หัวเราะ)”

บิณฑ์ : “มันผวา แค่ตื่นมาไอก็เอาแล้วเว้ย วัดไข้ก่อนตัวร้อนเปล่า แต่ก่อนลงพื้นที่เรามีถุงมือ มีแมสก์ใส่”

เอกพันธ์ : “เวลาเราแจกเงินชาวบ้าน มีน้องผู้หญิงคนนึงถือแอลกอฮอล์ไว้เลย พอแจกเสร็จยื่นมือให้เขา เขาฉีดให้เรา ก่อนขึ้นรถพ่นทั้งตัว ตอนเข้าบ้านก็แก้ผ้าพ่นทั้งตัว”

พี่ลงพื้นที่แล้วเห็นรอยยิ้มชาวบ้านที่ไม่มีเงิน รู้สึกยังไง?
บิณฑ์ : “เขามีความสุขแค่ไหน ผมมีความสุขมากกว่าเขาร้อยเท่า มันเป็นการให้ เราเห็นเขาแทบจะก้มกราบเราที่เท้า เราบอกว่าไม่ต้องครับ เขาสรรเสริญ ทุกอย่างทำให้เรารู้ว่า โอ้โห นี่แค่ 500 บาทนะ เขายังขนาดนี้เลย มันไม่ใช่แค่การให้เฉยๆ มันเป็นการที่เราได้ดูแล”

ไม่กลัวคนหมั่นไส้เหรอ?
บิณฑ์ : “ไม่กลัวครับ เขาจะหมั่นไส้ผมทำไม ผมทำเพื่อประชาชน ผมไม่กลัวคนหมั่นไส้ กลัวคนอิจฉาริษยามากกว่า”

จะข้ามหน้าข้ามตาใครเปล่า?
บิณฑ์ : “แค่ 500 บาทจะไปข้ามหน้าข้ามตาใคร”.