จากกรณีที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. บอกว่า หลังจากที่ ธ.ก.ส. ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง เพื่อนำมาจ่ายเยียวยาให้เกษตรกรแล้ว จะรีบโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ จำนวน 10 ล้านราย ทันที โดยจะกระจายการโอนครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ประมาณวันละ 1 ล้านราย คาดเริ่มทยอยโอนเงินได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
โดยขั้นตอนการจ่ายเงินนั้น ทาง ธ.ก.ส. จะรับข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นจะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเกษตรกรที่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว สามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิมได้ ไม่ต้องมาเปิดบัญชีใหม่
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (4พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สาขาร้อยเอ็ด ริมถนนเทวาภิบาล เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด พบว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าใช้บริการจำนวนมาก ส่วนมากเป็นเกษตรกรที่เดินทางมาติดต่อเพื่อทำธุรกรรรมในการเปิดบัญชีและผูกบัญชีแบบพร้อมเพย์ เพื่อรับเงินที่จะโอนมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธกส. โดยจ่ายให้กับเกษตรกรรายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวมเป็นเงิน 15,000 บาท โดยจะเริ่มโดนให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม นี้
โดยทางธนาคาร ได้จัดมาตรการเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจะมีการจับบัตรคิว เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใช้บริการหนาแน่นเกินไป โดยประชาชนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลที่จัดเตรียมไว้ และจัดที่นั่งคอยเว้นระยะห่าง 1 เมตร ซึ่งประชาชนเองก็ปฏิบัติตามมาตรการเป็นอย่างดี
จากการสอบถามนายบุญสงค์ คณะเกษตร อายุ 64 ปี เกษตกรชาวร้อยเอ็ด เล่าว่า ตนได้เดินทางมาที่ธนาคารตั้งแต่ 07.00 น. เพื่อมาเข้าคิวให้ได้ลำดับแรกๆ โดยธุรกรรมที่จะมาทำในวันนี้ก็คือผูกบัญชีแบบพร้อมเพย์ กับบัญชีที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยตนไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี จึงต้องมาติดต่อโดยตรงที่ธนาคาร โดยคาดหวังว่าจะได้รับเยียวยาเกษตรกร จำนวน 15,000 บาท เนื่องจากมีรายชื่อในระบบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อพันธุ์ข้าวและไว้เป็นทุนในการทำนา ตามที่ตนได้วางแผนเอาไว้