วันที่ 30 พ.ค. ที่รัฐสภา แยกเกียกกาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมติดตามการอภิปรายมา 3 วัน วันนี้เข้าวันที่ 4 แล้ว ผมยืนยัน ไม่ใช่ รัฐบาลนี้ ทำเศรษฐกิจพัง คงไม่ใช่ ยืนยันเราทำเต็มที่ในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ผมได้กราบเรียนไปหลายครั้งแล้ว หนี้สาธารณะ ของเราอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ประมาณ 41% ทำให้เราสามารถบริหารงานเศรษฐกิจไปได้ ในอดีตเราจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นงบประจำปี ใช้ไปหมดแล้ว ส่วนงบประมาณในการลงทุนรัฐบาลก็ต้องหามาใหม่ ก็ต้องกู้เงินมา เพื่อใช้ลงทุนนะครับ ยกตัวอย่าง กรณี ลงทุนแบบ PPP ซึ่งก็ลดเงินลงทุนของภาครัฐลงไปได้ เพราะลงทุนร่วมกับเอกชน ซึ่งก็ทำให้เกิดโครงการต่างสาธารณูปโภคมากมาย
ส่วนเรื่องหนี้ครัวเรือน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชน ก็อยากมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากขึ้นตามยุคสมัย ก็ต้องไปดูว่า ต้องทำอย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็มีกลไกหน่วยงานมากมายในการแก้ปัญหาขึ้นมา นั่นคือสถานการณ์ปกติ แล้วยิ่งโลกเป็นอย่างนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจ ก็มีขึ้นๆ ลงๆ ทุกประเทศตอนนี้ก็เป็นอย่างนี้
นายกฯ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์โลกที่ผ่านมา หากไม่มี โควิด-19 เข้ามา ก็ไม่มีการกู้เงินตรงนี้หรอกครับ วันนี้ เราพูดถึงเงินกู้ 1 ล้านล้าน เราต้องดู ความจริงเรื่องเศรษฐกิจ ก็มีผู้เดือดร้อน ก่อนโควิด-19 เข้ามาอยู่แล้ว แต่พอตอนนี้โควิด-19 มา เศรษฐกิจประเทศไทยก็ยิ่งตกลงมามาก เรื่องตรงนี้ก็ต้องดูแลเยียวยาเร่งด่วน อันนี้ คือ การดูแลเร่งด่วน แล้วหากไม่จบแล้ววิกฤติลากยาวกว่านี้และเราจะไปเอาเงินที่ไหนมา นั่นล่ะ คือต้องนำมาให้มีการผ่อนปรนในระยะที่ 3 แล้วเงินเหล่านี้ทั้งหมด แทบยังไม่ได้ใช้เลย ที่ผ่านมารัฐบาล จึงก็ต้องเอาเงินส่วนอื่นมาใช้ไปพลางก่อน ยืนยัน สถานการณ์การเงินของไทย ยังเข้มแข็งมาก ทั้งนี้ ผมอาจไม่เก่งเรื่องเศรษฐกิจเท่าพวกท่าน แต่ผมก็มีคนเก่งของผม แล้วที่สำคัญผมจริงใจแก้ปัญหา และไม่แก้ปัญหาแบบมักง่ายด้วย ดังนั้นขอทุกคนให้ความร่วมมือ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือ ต่อให้ใช้กฎหมายแรงกว่านี้ก็แก้ไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องทุจริต ถามอะไรคือการทุจริต การทุจริต ไม่ใช่คำบอกเล่า ไม่ใช่เรื่องบอกต่อทางโซเชียล อันนี้ต้องส่งต่อไปที่ศาล แล้วท่านมาบอกว่า รัฐบาลนี้ จะทุจริตๆ แสดงว่า เมื่อก่อนมีการทุจริตใช่หรือไม่ ท่านต้องช่วยไปกับผมแก้ปัญหาประเทศด้วยกัน แล้ววันนี้ใครทุจริต ก็มีการตรวจสอบไม่ใช่หรือ ท่านลองเปรียบเทียบคดีเก่า กับคดีใหม่เป็นอย่างไร ตอนนี้เรื่องทุจริต ที่เกิดมาก ผมคิดว่า เพราะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้ากระบวนการทางกฎหมายมากขึ้น ยืนยัน รัฐบาลมีเจตนารมณ์ แก้ปัญหาบ้านเมือง ด้วยการใช้กฎหมายปกติ และอยากทำงานให้โปร่งใส
“ส่วนเรื่องการศึกษา ผมให้นโยบายไปแต่แรกแล้วว่า การเปิดจะทยอยเปิด แต่ถ้าจะยุ่งยากมากก็ให้เปิดเรียนพร้อมกัน แต่ต้องดูเรื่องของนักเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ไม่ให้เกิดการติดเชื้อโควิด-19 อย่างเด็ดขาด จึงให้เรียนออนไลน์ แล้วก็ให้สลับกันเรียน อันนี้ในเด็กโต ส่วนเด็กเล็กยังเปิดเรียนไปไม่ได้หรอกครับ เพราะเด็กยังเล็ก และไม่สามารถบังคับตัวเองได้มากนัก ส่วนเรื่องที่ท่านชอบพูดกัน กลัวละเมิดสิทธิมนุษยชนเรื่องข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลออนไลน์อะไร ผมว่าคนเรามีจิตสำนึกนะครับ ใครจะไปดักฟังโทรศัพท์ใคร ผมยังไม่อยากฟังเลย ไทยมีคนใช้โทรศัพท์เป็น 100 ล้านเครื่องได้มั้ง ก็ไม่รู้จะไปดักฟังใคร ทำไมถึงไปพูดเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มันไม่มีนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.