Categories
ข่าว

“วอนช่วยเหลือ” แม่เลี้ยงเดี่ยวป่วยโรคต่อมน้ำพอง ไร้เงินรักษาตัว ค่านมยังต้องยืมเพื่อนบ้าน

จากกรณีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Pannika Petsri Beer ได้โพสข้อความเกี่ยวกับอาการป่วยด้วยโรคตุ่มน้ำพอง (โรคแพมพิกัส) หรือโรคที่คุณวินัย ไกรบุตร ป่วยก่อนหน้านี้ โดยได้มีผู้คนในโลกโซเชียลต่างก็เข้ามาให้กำลังใจและร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ได้โพสข้อความและภาพของอาการป่วยของโรคนี้ โดยระบุข้อความดังนี้

จะมาแชร์ประสบการณ์กับการพบเจอโรคเงียบวายร้ายใกล้ตัว “ตุ่มน้ำพอง” แพมฟิกัส หรือที่เขารู้จักกันว่า โรควินัยไกรบุตร ช่วงปลายเดือนมกราคม มีอาการตุ่มขึ้นบริเวณริมฝีปากคล้ายร้อนใน ซื้อยามาทาก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แล้วมีตุ่มใสบริเวณรักแร้ จนลามขึ้นมาเป็นตุ่มหนองคล้ายสิวบริเวณจมูก ช่วงนั้นสามีพึ่งเสียชีวิตยุ่งกับงานศพ จึงไม่ได้ไปหาหมอ

ผ่านมากลางเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีตุ่มน้ำใสขึ้นที่หลังคล้ายตุ่มอีสุกอีใส (ประเด็นคือเคยเป็นมาแล้ว) หมอได้จัดยามาให้กิน 1 อาทิตย์ไม่ดีขึ้น ตุ่มน้ำพองขึ้น จึงเปลี่ยนไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด แพทย์จึงวินิจฉัยว่าเป็นตุ่มน้ำพอง (โรควินัยไกรบุตร) ปลายเดือนได้ลุกลามขึ้นที่อวัยวะเพศ จึงทำให้เกิดหนองแล้วหมอสั่งแอดมิดนอน รพ.7 คืน ก็ยังไม่ดีขึ้น กับมาบ้านต้องให้พี่สาวตัดผมสั้นให้เพราะมันขึ้นที่หัวคล้ายสิวหนอง

เข้าสู่มีนาคม-เมษายน ต้องทนทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ปวดแสบปวดร้อนไปหมด ตามตัวมีกลิ่นเหม็นคาวฟุ้งไปหมด ใส่เสื้อผ้าไม่ได้ ทำงานไม่ได้ มีภาระมีค่าใช้จ่าย การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม แม่ต้องเลิกขายของเพื่อมาดูแลทั้งลูกให้ ทั้งหลานให้ ค่านมค่าแพมเพิส ค่ารักษาตัวเราอีก จึงลองไป รพ.สิรินธร รพ.เฉพาะทางด้านผิวหนังได้ยามาอาบแชมพูมาสระจึงทำให้แผลดีขึ้น ครั้งนั้นยาทปาและแชมพูค่ารักษาหมดไป 3,000 บาท เหมือนจะดีขึ้น พอยาหมดไปเอาอีกรอบสองหมดไป 2,000 บาท แต่ยาเหมือนจะดีแค่ช่วงแรกที่ทาแล้วแห้งแต่ก็ยังหยุด โรคมันไม่ได้ตุ่มขึ้นไม่หยุด อาการปวดแสบปวดร้อนไม่หายและได้ไปตามนัดกับทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ดเหมือนเดิม

เดือนพฤษภาคม 62 หมอจะนัดไปหาเดือนละครั้ง แต่ครั้งนี้คือมันเป็นหนักคือเป็นหนองบริเวณใบหู ลุกลามมาหู จึงไปหาหมอหมอก็้สั่งยามาเพิ่มแล้วนัดมาพบอีกครั้ง อาการมันไม่ดีขึ้นเพราะมันลุกลามมาหูอีกข้าง จับเป็นน้ำเหลืองหนองไหลไม่หยุด กลางคืนต้องใช้ใบตองรองนอนทุกคืนน้ำเหลืองไหลเหมือนน้ำปะปารั่ว ต้องนอนฟังเสียงน้ำเหลืองหยดทุกคืน นอนหลับได้เพราะพึ่งยาคลายเครียด แพทย์ระบุว่าโรคนี้อาจใช้ระยะเวลารักษา 3-5 ปี 1 ใน 4 แสนคน ที่จะเป็นโรคนี้ได้ ห้ามโดนแดดห้าม โดนความร้อนความร้อน และแสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดตุ่ม นอนแอร์ก็ทร มานอุณหภูมิปกติข้างนอกก็ทรมาน แต่ถ้าให้ถึง 4-5 ปี ช่วงนี้แค่ 5 เดือนที่เป็นกับการใช้ชีวิตลำบาก ตัวบวม คางทูม ประจำเดือนไม่มา 3 เดือน ใจสั่น หิวบ่อย พูดบางคำจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง ล่าสุดขอใบส่งตัวไปที่ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ปรากฏว่าไม่ได้รับสิทธิ์ 30 แต่ได้จ่ายเอง ถ้าจ่ายเองจะขอใบส่งตัวไปเพื่ออะไร เพราะโรคนี้หมอย้ำแล้วว่าใช้เวลารักษานาน พอไปพบอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น อาจารย์หมอจึงแนะนำให้ตรวจชิ้นเนื้อและเจาะเลือดใหม่ แต่ค่าใช้จ่ายสูงประมาณหลักหมื่นรวมยา ซึ่งไม่มีเงินพอขนาดนั้นอาจารย์หมอจึงแนะนำให้ไปขอใบส่งตัวมาใหม่หรือจะสู้ยอมเสียเงิน ประเด็นคือไม่ได้ทำงานแม่ไม่ได้ทำงานทางบ้านไม่มีรายรับเพียงพอ จึงอยากแชร์โพสต์นี้ ไม่ได้อยากดังหรือสร้างกระแสแต่อยากให้สังคมเห็นใจจะส่งเป็นอุปกรณ์ล้างแผลให้ก็ได้ ชีวิตไม่เคยคิดว่าจะได้ พบเจอกับโรคแบบนี้ สิ่งที่ทำให้สู้ต่อได้คือครอบครัวแม่และลูกแม่ต้องคอยทายาต้องคอยนอนดึกทั้งทายาให้ถึงร้องไห้ไปด้วยเราต้องสู้ไปด้วยกันด้วยน้ำตาด้วยความหวังชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นตอนนี้ทรมานสุดๆแต่ยังดีที่มีกำลังใจ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ บ้านเลขที่ 30 ม.8 บ.หนองบอน ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ไปพบกับนางสาวพรรณิการ์ เพชรศรี อายุ 25 ปี ผู้ป่วยโรคตุ่มน้ำพอง (แพมพิกัส) โดยได้อาศัยอยู่กับ พ่อและแม่ พร้อมลูกสาววัย 7 ขวบ และลูกชายวัย 11 เดือน

จากการสอบถามเธอเล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2562 ตนพึ่งเสียสามีไป ซึ่งตนก็ได้เดินทางไปฌาปนกิจศพที่ จ.ระยอง โดยมีตุ่มขึ้นบริเวณริมฝีปากคล้ายร้อนใน ซื้อยามาทาก็ไม่ดีขึ้น แล้วมีตุ่มใสบริเวณรักแร้ จนลามขึ้นมาเป็นตุ่มหนองคล้ายสิวบริเวณจมูก แต่ก็ยังไม่ได้ไปพบแพทย์เนื่องจากยังยุ่งกับงานศพของสามี หลังจากนั้นเธอก็เดินทางกลับมายังบ้านเกิด (จ.ร้อยเอ็ด)

ซึ่งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ก็เริ่มมีตุ่มน้ำใสขึ้นที่หลังคล้ายตุ่มอีสุกอีใส แต่ตนเคยเป็นมาแล้ว จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด หมอได้จัดยามาให้กิน 1 อาทิตย์แต่ก็ไม่ดีขึ้น ตุ่มน้ำพองขึ้น จึงเปลี่ยนไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด แพทย์จึงวินิจฉัยว่าเป็นตุ่มน้ำพอง (โรควินัย ไกรบุตร) ปลายเดือนกุมภาพันธ์ได้ลุกกลามขึ้นที่อวัยวะเพศ จึงทำให้เกิดหนองแล้วหมอสั่งแอดมิดนอน รพ.เอกชนในร้อยเอ็ด 7 คืน ก็ยังไม่ดีขึ้น จึงได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่ก็ได้ยากินเพื่อรักษาโรคเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่จะเกิดใน 1 ต่อ. 400,000 คน ส่วนการรักษาจะต้องใช้เงินจำนวนมาก เพื่อรักษากับแพทย์เฉพาะทางและจะต้องใช้วัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งก็มีราคา 24,000 บาท

ซึ่ง ณ ตอนนี้ครอบครัวของตนไม่มีรายได้เข้ามาในครอบครัวเลย เนื่องจากแม่ของตนที่ก่อนหน้านี้ขายแตงโมที่หน้าบ้าน ก็ต้องมาดูแลตนและหลายอีก 2 คน โดยจะต้องอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยต้องใช้น้ำเกลือวันละ 2 ขวด และสำลี 1 ห่อ/2 วัน ซึ่งตกต่อเดือนก็ต้องมีค่ารักษาพยาบาล 3,000/เดือน ยังไม่รวมค่ารักษาพยาบาลในโรคต่อมน้ำพอง ซึ่งต้องเดินทางไป-กลับ รพ.ร้อยเอ็ด ระยะทาง 30 กม.

ตอนนี้ตนลำบากมากเนื่องจากมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน โดดลมไม่ได้ และยังมีอาการข้างเคียงจากการกินยา ส่งผลให้ตัวบวม คางทูม ประจำเดือนไม่มา 3 เดือน ใจสั่น หิวบ่อย พูดบางคำจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งตนก็อยากจะขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือ และขอรับบริจาคเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล โดยสามารถบริจาคได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 0023704153 ชื่อบัญชี นางสาวพรรณิการ์ เพชรศรี เพื่อจะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้จ่ายในการรักษาจากโรคร้ายนี้

ด้านนางสุพนธ์ เพชรศรี อายุ 55 ปี (แม่ของผู้ป่วย) เล่าว่าตนรู้สึกสงสารลูกสาว ที่มาป่วยด้วยโรคตุ่มน้ำพอง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ไปรักษาตัวหลายโรงพยาบาลแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ตอนนี้ครอบครัวลำบากมาก ต้องมีค่าใช้จ่ายในการล้างแผลที่เกิดจากโรค ค่าเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมถึงค่านมของลูกชายที่อายุได้เพียง 11 เดือน ซึ่งก็ไม่สามารถรับประทานนมแม่ได้เลย ตนจึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือลูกสาวของตนด้วย