Categories
ข่าว

สาวโอดหนัก ติดหนี้ กยศ. 17,000 ถูกยึดบ้าน 2 ล้าน

ติดหนี้ กยศ. 17,000 บาท แต่ทำไมถูกยึดบ้านราคา 2 ล้านบาทไปขายทอดตลาด พบบ้านเป็นชื่อพ่อซึ่งไม่เคยเซ็นเอกสารใดๆ เลย ขณะที่กยศ.ชี้แจงช่วยซื้อบ้านคืน และให้ชำระหนี้ส่วนที่เหลือ

นางสาวกรทิพ วงศ์ตะวัน อายุ 43 ปี ได้พานายสมพร วงศ์ตะวัน อายุ 75 ปี พ่อและน้องสาว คือ นางสาวสมหมาย วงศ์ตะวัน อายุ 38 ปี มาร้องเรียนกับสื่อมวลชนในจังหวัดแพร่ หลังเป็นหนี้กยศ.จำนวนเงิน 17,000 บาท แต่ถูกยึดบ้านราคา 2 ล้านบาท นางสาวสมหมาย ได้กู้เงินกยศ.เพื่อเรียนต่อระดับอาชีวศึกษา โดยมีแม่ คือนางพริ้ง วงศ์ตะวัน เป็นผู้ค้ำประกัน

หลังจากนางสาวสมหมาย เรียนจบก็ได้ส่งเงินคืนกองทุน กยศ.มาตลอด ต่อมาได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด จึงไม่ได้ส่งเงินต่อ ทำให้นางสาวสมหมาย คงค้างหนี้ กยศ.อยู่ประมาณ 17,000 บาท นางสาวกรทิพ สงสัยว่า ทำไมถึงมีการยึดทรัพย์ของพ่อที่เป็นบ้านทรงไทย ทั้งๆ ที่พ่อไม่เคยเซ็นเอกสารใดๆ ในการกู้ยืมเงินจาก กยศ.

นางสาวกรทิพ มีข้อสงสัยอีกว่า ทำไม กยศ. กลับยึดทรัพย์ และฟ้องพ่อ คือ นายสมพรเป็นจำเลยที่ 3 แต่ไม่ได้ฟ้องน้องสาวที่เป็นคนกู้ หรือ แม่ของตน ที่เป็นคนค้ำประกัน พ่อและแม่ คือ นายสมพร กับ นางพริ้ง ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย บ้านเรือนไทยหลังดังกล่าว ติดจำนองอยู่ที่ธนาคาร ธ.ก.ส. จำนวน 1.4 ล้านบาท

นางสาวกรทิพ กล่าวหลังจากปรึกษาอัยการคุ้มครองสิทธิ์ฯ ว่า เรื่องการดำเนินการต่อไป มี 2 กรณี คือ ทำการไกล่เกลี่ยกับบริษัทที่ซื้อบ้านหลังนี้ไป โดยจะนัดวันไกล่เกลี่ยคือ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 นี้ ทางที่ 2 คือ หาทนายความ เพื่อมาทำเรื่องรื้อคดีใหม่อีกครั้ง ซึ่งทั้งสองแนวทาง ครอบครัวจะต้องสู้เพื่อให้ได้บ้านหลังนี้คืนมาให้ได้ กยศ.ขอชี้แจง ติดหนี้หมื่นเจ็ด แต่ทำไมถึงถูกยึดบ้าน 2 ล้าน

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุน กยศ. ได้ตรวจสอบเคสดังกล่าว โดยพบว่า ผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้น จำนวน 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา กยศ. จึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบทรัพย์บังคับคดี เมื่อปลายปี 2561

ช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้เพียงบางส่วน และไม่ได้ติดต่อกองทุนเพื่อทำบันทึกข้อตกลงงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ซึ่งหากผู้กู้ยืม หรือผู้ค้ำประกันมาติดต่อก็สามารถของดการขายทรัพย์และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี

สำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ได้ดำเนินการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยขายแบบติดจำนอง เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.63 โดยมีบุคคลภายนอกซื้อได้ในราคา 30,000 บาท การขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีผู้กู้ยืม และผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย

นายชัยณรงค์ กล่าว่า ปกติแล้ว ก่อนที่จะมีการบังคับคดี กยศ.พยายามติดต่อกับผู้กู้ยืม และผู้ค้ำประกันทั้งทางจดหมายและทางโทรศัพท์ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนการติดตามหนี้มาโดยตลอด จนสุดท้ายกยศ.มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันก่อนที่คดีจะขาดอายุความ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน

สำหรับเคสที่แพร่นี้ กยศ.ได้ประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยินดีขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ค้ำประกันในราคาซื้อ นายชัยณรงค์ ทิ้งท้ายว่า ขอฝากถึงผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ถูกบังคับคดี ขอให้มาติดต่อที่กองทุนกยศ.เพื่อจะได้โอกาสในการผ่อนชำระได้อีกไม่เกิน 6 ปี ที่สำคัญขอฝากเรื่องการค้ำประกันการกู้ยืมใดๆ ขอให้ผู้ค้ำประกันตระหนักว่า จะเป็นภาระผูกพันทางกฎหมาย โดยขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้อง จนเดือดร้อนถึงผู้ค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบิดามารดาและญาติ