เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 14 ต.ค.2563 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. แถลงสถานการณ์การชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ปนะชาธิปไตย
พล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้มาอยู่บริเวณถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกสวนมิสกวันไปถึงแยกนางเลิ้ง เมื่อมาจากแยกยมราชขอให้ใช้เส้นทางแยกหลานหลวง รวมถึงกรณีข้ามสะพานกรุงธนบุรีเพื่อไปถนนพิษณุโลกแต่ให้เลี้ยวซ้ายไปถนนราชวิถี ส่วนบริเวณถนนนครสวรรค์ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ขอให้ทำการหลีกเลี่ยง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมหมดก็จะเปิดเส้นทางดังกล่าว อย่างไรก็ตามขอให้หลีกเลี่ยงบริเวณแยกสวนมิสกวัน และบริเวณถนนศรีอยุธยา โดยให้เลี้ยวผ่านแยกวัดเบญจฯและแยกพล 1 ออกจากถนนศรีอยุธยา
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้ามายังบริเวณถนนพิษณุโลกได้แล้ว บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตามพ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะห้ามชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลและชุมนุมในรัศมี 50 เมตร หากฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวก็จะถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน ปรับ10,000 บาท รวมกับกฎหมายอื่นๆ ฝากไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมอะไรสุ่มเสี่ยงไม่ควรทำ ส่วนข้อมูลของตำรวจในเรื่องของการประเมินตัวเลขผู้ชุมนุม
ตำรวจอ้างอิงตามสูตรคิดคำนวณทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ถนนพิษณุโลก กว้าง 10 เมตร ยาว 600 เมตร รวม 6,000 ตารางเมตร โดยหากใช้สูตรการคำนวนพบว่า ในเวลาล่าสุดประมาณ 19.00 น. มีผู้ชุมนุมประมาณ 8,000 คน กระจายตัวไม่เต็มพื้นที่ ทั้งนี้ ยืนยันอีกว่า ตำรวจจะพยายามให้กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่เพียงแค่แยกมิสกวัน โดยจะมีการประสานเพื่อขอให้อยู่เพียงแค่พื้นที่นั้นเท่านั้น
รองโฆษกตร. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ตำรวจจะมีการปรับเปลี่ยนแผน หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการชุมนุมยืดเยื้อ ซึ่งตำรวจมีแผนปฏิบัติการไว้อยู่แล้ว โดยตำรวจมีอำนาจตามกฎหมายรองรับ เช่น กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ หรือ กฎหมายอาญาอื่นๆ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมมีการกระทำผิดกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานไว้เพื่อดำเนินคดี ต่อข้อซักถามที่ว่ามีการปรากฎภาพมีการล้อมรถขบวนเสด็จเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานั้น ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา อย่างไรก็ตาม การดำเนินการลักษณะดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากหากบอกว่าสามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสมก็ไม่ควรที่จะทำ
