Categories
ข่าว

มรสุมหนัก!! “ปารีณา” งานเข้าอีก ถูกฟ้องคดี ครอบครองปืนกลเล็ก-กระสุนเจาะเกราะ

ศาลอาญาประทับรับฟ้อง คดีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นจำเลยในคดีร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ประเภทปืนกลเล็กและกระสุนชนิดระเบิดเจาะเกราะไว้ในครอบครอง นัดสอบคำให้การในวันที่ 27 มกราคม ปีหน้า

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (6 ธ.ค.62 )พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสัชญา หรือ ขวัญ สถิรพงษะสุทธิ อายุ 44 ปี และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อายุ 43 ปี สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ประเภทปืนกลเล็ก และกระสุนชนิดระเบิดเจาะเกราะซึ่งไม่ใช่ชนิดและขนาดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ โดยมีไว้ในครอบครอง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,8 ทวิ , 55 , 72 ,72 ทวิ , 78 พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ พ.ศ.2522 มาตรา 6 และฉบับ พ.ศ.2530 มาตรา 3 พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15,42 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 , 140 , 371

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยเป็นพลเรือน ร่วมกับพวกอีก 1 คนที่เป็นพลเรือนซึ่งยังหลบหนี ได้ร่วมกันมีอาวุธปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นความผิดที่เหตุพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เรื่องให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม

โดยระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม-15 กรกฏาคม 2557 จำเลยกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันมีอาวุธปืนกลเล็ก พร้อมซองกระสุนปืน 1 อัน ซึ่งเป็นลูกกระสุนระเบิดยิงชนิดระเบิดเจาะเกราะ จำนวน 19 นัด อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามซึ่งไม่ใช่ประเภท ชนิด และขนาดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2522) ข้อ 2 , 3 ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย

ขณะที่วันที่ 15 กรกฏาคม 2557 ซึ่งเป็นวัน-เวลาที่อยู่ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร จำเลยร่วมกับพวกที่หลบหนี มีกล้องส่องเวลากลางคืนจำนวน 1 ชุด , เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 1 ตัว และหมวกเกราะกันกระสุน 1 ใบ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม และจำเลยยังพาอาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด .38 SUPER เครื่องหมายทะเบียน กท 4507271 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย กับกระสุนปืนออโตเมติก 31 นัด และอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์กับกระสุนปืนลูกกรดจำนวน 8 นัด ติดตัวไปใน ซ.สมคิด ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา

เหตุเกิดที่แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. อันเป็นเขตที่อยู่ในอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก ศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3041/2562 และนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 27 มกราคม 2563 เวลา 09.00 น.

กรณีดังกล่าวเป็นการโอนคดีฟ้องมาจากศาลทหารกรุงเทพ โดยนายสัชญาหรือขวัญ สถิรพงษะสุทธิ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม 2557 ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกหลังการยึดอำนาจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล จับกุมนายสัชญา ได้พร้อมอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง นายสัชญา อ้างว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของ น.ส. ปารีณา