Categories
ข่าว

ตร. ยันเอาผิด เพลงแร็พดัง “ปฏิรูป” หากผู้ที่ฟังแล้วพบว่ากระทบสิทธิ์

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่บช.น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกตร. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ร่วมกันแถลงสถานการณ์การชุมนุม 3 กลุ่ม ในวันนี้

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า วันนี้มีผู้ชุมนุม 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.MOB FEST ได้จัดการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและพื้นที่โดยรอบ 2.กลุ่มนักเรียนเลว มีจำนวนผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ 3.กลุ่มชุมนุมผู้หญิงปลดแอก บริเวณแยกคอกวัว ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มได้ยื่นขออนุญาตจัดการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานผู้ดูแลการชุมนุมที่สน.ชนะสงครามเรียบร้อยตามกฎหมาย

ทางผู้กำกับการสน.ชนะสงครามได้มีเงื่อนไขแต่ละกลุ่ม ดังนี้ สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุม MOB FEST มีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้จัดชุมนุมควบคุมคนให้อยู่บนบาทวิถีหน้าแมคโดนัลเท่านั้น ห้ามเคลื่อนไปจุดอื่น ในกรณีผู้ชุมนุมเต็มบนทางเท้าแล้วให้สามารถลงมาช่องทางการจราจร ได้ 1 ช่องทางเท่านั้น การตั้งเวทีให้หันหน้าไปทางแยกคอกวัว

สำหรับกรณีกลุ่มนักเรียนเลว ผู้จัดการชุมนุมขอเคลื่อนการชุมนุมจากด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้มีเงื่อนไขสำคัญคือให้มีการเคลื่อนให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 15.00 น. ซึ่งกลุ่มนักเรียนเลวได้เคลื่อนตัวแล้วอยู่ระหว่างการดำเนินการ และกลุ่มสุดท้ายได้มีเงื่อนไขให้ผู้จัดการชุมนุมควบคุมให้ผู้ชุมนุมอยู่ในบริเวณแยกคอกวัวเท่านั้น ห้ามเคลื่อนไปยังจุดอื่นๆ

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่ได้กำหนดให้ทั้ง 3 กลุ่มดำเนินการ ดังนี้ 1.ห้ามใช้ป้ายข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ยุยง ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย 2.ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมหรือใช้เส้นทางอื่นที่ไม่ได้แจ้งไว้ 3.ห้ามใช้เครื่องเสียงที่มีอัตราเสียงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 นั้นหมายความว่าเครื่องเสียงที่ใช้ได้จะต้องมีระดับเสียงสูงสุดไม่เกิน 115 เดซิเบล

และค่าเฉลี่ยในการใช้จะต้องไม่เกิน 70 เดซิเบล 4.การชุมนุมต้องชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ กระทำโดยสุจริตไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นเกินสมควร และไม่กระทบกระเทือนสิทธิของผู้อื่นเกินขอบเขตเสรีภาพของกฎหมาย

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับการใช้เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุมในวันนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่แบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ 1.บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถึงสะพานมัฆวาน 2.แยกจปร. แยกผ่านฟ้า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงแยกคอกวัว 3.บริเวณรอบท้องสนามหลวง รวมใช้กำลัง 35 กองร้อย หรือ 5,250 นาย นอกจากนี้มีกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วและชุดอื่นๆ ที่ดูแลพื้นที่และพื้นที่สำคัญรวมทั้งสิ้น 53 กองร้อย

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุม 3 กลุ่ม โดยมี การเคลื่อนที่เพียงกลุ่มเดียว ใช้ราชดำเนินนอก ได้เคลื่อนขบวนเวลา 14.15 น. ทั้งนี้การเคลื่อนที่ไปเป็นกรณีการย้อนศร จึงมีการปิดการจราจรถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกคอกวัวถึงแยกผ่านฟ้า นอกจากนี้ขอประชาสัมพันธ์หลีกเลี่ยงถนน 9 เส้นทาง สะพาน 2 สะพาน ดังนี้ ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ถนนจักรพรรดิพงษ์ ถนนหลานหลวง ถนนดินสอ ถนนตะนาว สะพานพระราม 8 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง

เมื่อถามว่ามีการซ้อมวางลวดหนาม และการปฏิบัติการทางยุทธวิธีของตำรวจควบคุมฝูงชนเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาบริเวณแยกคอกวัว พล.ต.ต. ปิยะ เปิดเผยว่า เป็นการซ้อมการปฏิบัติการควบคุมฝูงชนตามปกติ แต่ยืนยันยังไม่มีการใช้เครื่องมือ หรือรถประจำทางมากีดขวางกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งต้องรอการประเมินตามสถานการณ์ ส่วนการชุมนุมของกลุ่มผู้หญิงปลดแอกแจ้งสิ้นสุดการชุมนุมถึงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 15 พฤศจิกายน

ส่วนกลุ่ม MOB FEST ขอเวลาถึง 22.00 น. และหากไม่ยุติการชุมนุมตามเวลาตำรวจก็จะแจ้งให้ยกเลิกชุมนุมตามขั้นตอน เมื่อถามว่ากรณีที่กลุ่มศิลปิน Rap Against Dictatorship นำเพลงที่ชื่อว่า ปฏิรูป เผยแพร่ในยูทูป แล้วมีการใช้ถ้อยคำที่พาดพิงบุคคลอื่นนั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า การเผยแพร่เพลงต่างๆ สามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเพลงดังกล่าวให้กับฝ่ายกฎหมาย กองบัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีความผิดในข้อหาใดบ้าง

แต่ตำรวจยืนยันจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ความผิดที่ตำรวจสามารถแจ้งข้อหากับผู้ผลิตเพลง หากตรวจสอบแล้วมีการกระทบสิทธิ์ หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายในข้อใดข้อหนึ่ง ส่วนที่สอง คือ หากผู้ที่ฟังแล้วพบว่ากระทบสิทธิ์ของตัวเอง ก็สามารถมาร้องทุกข์ให้ตำรวจดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย และหากมีผู้มาร้องทุกข์ตำรวจก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากมีความผิดจริงตำรวจก็จะร้องให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม และสำนักงาน กสทช. สั่งให้นำออกจากระบบคอมพิวเตอร์