Categories
ข่าว

รอบ 2 คุมยาก! หมอจุฬาฯ ยัน โควิด ไม่กระจอก-ไม่ใช่หวัดธรรมดา หวั่นเคสตลาดกุ้งระบาดหนัก แนะรัฐต้องใช้สติปัญญาสั่งการ

วันที่ 19 ธ.ค.63 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 9 เดือน นับจากวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่โรงเรียนแพทย์ได้เรียนเสนอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตัดสินใจดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อจัดการการระบาดในระลอกแรก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราจึงมีตัวเลขติดเชื้ออยู่ระดับหลักพันดังเช่นวันนี้

เราช่วยกันทั้งประเทศอย่างเต็มที่เพื่อจัดการระลอกแรกได้ แต่ปัจจุบันคงต้องยอมรับกันเสียทีว่าสถานการณ์มีความเสี่ยงมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ เนื่องจากมีเคสติดเชื้อในประเทศหลากหลายรูปแบบ หลายเคสหาต้นตอไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการลักลอบเข้าเมืองอีกจำนวนไม่น้อย

ล่าสุดของเคสติดเชื้อที่ตลาดกุ้งนั้น หากวิเคราะห์ตามหลักระบาดวิทยาแล้ว เหมือนเป็นปรากฏการณ์ swiss cheese phenomenon คือ รูของเนยแข็งมาเรียงตรงกันพอดี ทั้งในแง่ของตัวผู้ติดเชื้อที่ดูจะมีประวัติไม่ค่อยได้ใส่หน้ากากป้องกัน ทำอาชีพที่ต้องพบปะคนเยอะทั้งคนงานและคนที่มาซื้อของ

นอกจากนี้ในแง่ของเชื้อที่มีนั้นก็มีปริมาณมาก โอกาสแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นย่อมสูง และในแง่ของสิ่งแวดล้อม ที่มีโอกาสแออัด และมีการจับต้องสิ่งของสาธารณะต่างๆ ร่วมกันได้มาก

จำนวนผู้ติดเชื้อที่รายงานกันมาดูเพิ่มขึ้นจากเดิม และยังไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตัวเลขเท่าใด ลักษณะแบบนี้ผมจัดเป็น superspreading event หรือการแพร่ในวงกว้าง ที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนและเข้มงวด

สถานการณ์เช่นนี้ ควรพิจารณาคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่จังหวัด รณรงค์ให้เลี่ยงการเดินทางเข้าออกโดยไม่จำเป็น ใส่หน้ากาก 100% และให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่สังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัว รวมถึงการเร่งทำการตรวจคัดกรองโควิดวงกว้าง เน้นการตรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การจะจัดการปัญหานี้ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่นอน

การสั่งหรือประกาศนโยบายอะไรออกไปในช่วงวิกฤตินั้น ต้องใช้สติ และปัญญาในการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นแทนที่จะเกิดผลดี กลับทำให้เกิดภาวะเครียด และโอกาสผิดพลาดสูงขึ้นได้

หวัดธรรมดา…เห็นคำนี้ก่อนระลอกแรกมาแล้ว โชคดีที่ทุกคนในประเทศช่วยกันเต็มที่จึงรอดมาได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่หวัดธรรมดา

ไวรัสกระจอก…เห็นคำนี้แล้ว เราต้องสู้ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกสอง เพราะจะแรง เร็ว คุมยาก ยืนยันว่ามันไม่ใช่ไวรัสกระจอก เห็นชัดๆ ว่าติดไปแล้วเกือบ 76 ล้าน ตายไปแล้วกว่า 1.6 ล้านคนทั่วโลก