Categories
ข่าว

หาสิ่งผิดกฎหมาย!! มหาสารคาม ตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษ

วันที่ 1 เม.ย.64 ที่เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นายอนุพงศ์ คำภูแก้ว ปลัดจังหวัดมหาสารคาม พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผบก.ภ.จว.มค. พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม และนายมงคล จันทะจร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ รวมจำนวน 90 นาย เข้าตรวจค้นจู่โจมกรณีพิเศษและจัดระเบียบภายในเรือนจำ บริเวณแดนฝึกวิชาชีพ ประกอบด้วย เรือนนอน 4 และโรงงานฝึกวิชาชีพ ตามนโยบาย 5 ก้าวย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงราชทัณฑ์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องกักขัง สร้างระเบียบวินัย ปลูกฝังจิตสำนึกให้กลับตนเป็นคนดี

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม เป็นเรือนจำมีความมั่นคงในระดับปานกลางควบคุมผู้ต้องขังได้ไม่เกิน 1,400 คน แต่ในขณะนี้มีผู้ต้องขัง จำนวน 1,863 คน ซึ่งเกินความจุของที่นี่เกือบ 500 คน นับว่ามีความแออัดจากสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่มีน้อยการดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ทั่วถึง ทางเรือนจำอยู่ระหว่างการดำเนินการย้ายระบายไปยังเรือนจำอื่นตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ประกอบกับปัจจุบันมีบางเรือนจำได้มีผู้ต้องขังแหกหักจากเรือนนอนและทำร้ายเจ้าหน้าที่ก็มีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ เนื่องมาจากการที่ผู้ต้องขังมีจำนวนมากและการบริหารจัดการก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ในภาพรวมเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม เป็นราชการส่วนภูมิภาค ซึ่งในการบังคับบัญชาผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการก่อการไม่สงบเรียบร้อยขึ้นภายในจังหวัดมหาสารคามด้วย

สำหรับการตรวจค้นในครั้งนี้ จังหวัดมหาสารคาม โดยผู้บัญชาการเรือนจำ ได้สนธิกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอส. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของเรือนจำมา เพื่อระดมการเข้าตรวจค้นจู่โจมภายในเรือนจำ ตรวจหาสิ่งของต้องห้าม ยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ อาวุธ น้ำมันเชื้อเพลิง ไฟแช็ค บุหรี่ สิ่งของที่อาจก่อให้ผู้ต้องขังหลบหนีได้ รวมไปถึงเครื่องสักลาย น้ำหมึก เงินสด ซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามนำเข้าเรือนจำตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ประกอบกับในช่วงเดือนเมษายน เทศกาลวันสงกรานต์ วันหยุดติดต่อกันหลายวัน อาจเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ต้องขังใช้จังหวะและโอกาสซุกซ่อนสิ่งของต้องห้าม อาวุธเหล็กแหลมไว้เพื่อนำไปใช้ก่อเหตุได้ จึงได้สนธิกำลังเพื่อตรวจค้น โดยผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด