Categories
ข่าว

งานเข้าหนัก! เรือนจำนราธิวาส “นักโทษ-ผู้คุม” ติดโควิด 112 คน กรมราชทัณฑ์ประกาศปิดคุกทั่วประเทศ งดเยี่ยม 1 เดือน

วันที่ 4 เม.ย.64 นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงนามในวิทยุสื่อสารด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 3 เม.ย.64 ว่าได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 2 เม.ย.64 เวลา 20.00 น. จึงได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

จากการสอบสวนโรค พบว่าเรือนจำจังหวัดนราธิวาส มีผู้ต้องขังรวม 2,334 คน และเจ้าหน้าที่เรือนจำ 97 นาย ในจำนวนนี้ตรวจพบเป็นผู้สัมผัสเสี่ยง 791 คน จึงได้เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 214 คน พบติดเชื้อ 112 คน แยกเป็น เจ้าหน้าที่เรือนจำ 23 นาย นักโทษชาย 87 คน นักโทษหญิง 1 คน และพยาบาลเรือนจำ 1 คน

ทั้งนี้ จ.นราธิวาส จะเร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทุกคน เพื่อตรวจคัดกรองและนำเข้ากระบวนการดูแลตามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และมีการเปิดโรงพยาบาลสนาม ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด โดยผู้ที่มีอาการรุนแรงจะส่งไปรักษาที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

ทางด้านกระทรวงยุติธรรม ได้รับรายงานผลการสอบสวนโรคจากกรมราชทัณฑ์ว่า เบื้องต้นคาดว่าพยาบาลเป็นผู้ติดเชื้อคนแรก เนื่องจากมีที่พักอยู่นอกเรือนจำและมีโอกาสพบปะบุคคลภายนอก จากนั้นได้นำเชื้อไปติดนักโทษในเรือนจำ โดยจำนวนหนึ่งเป็นผู้ต้องขังที่ได้รับคัดเลือกไปเข้าโครงการประกวดซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า สุราษฎร์ธานี ทำให้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.64 มีผู้ต้องขังในเรือนจำเขตจังหวัดภาคใต้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงสั่งให้กักตัวผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานทั้งหมด และเปิดเรือนจำชั่วคราวที่ จ.สุราษฎร์ธานีเพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ต้องขัง และสั่งติดกำไล EM ผู้ต้องขังทุกคนเพื่อป้องกันการหลบหนี

ล่าสุด นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเปิดเผยว่า หลังพบเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนราธิวาสติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งอยู่ในช่วงการเดินทางเพื่อทำกิจกรรมภายนอกร่วมกับผู้อื่น กรมราชทัณฑ์จึงได้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน ด้วยการนำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำกลับมาใช้อีกครั้ง แม้จะเพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรการมาได้ไม่นาน

สำหรับครั้งนี้ กำหนดเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.64 จนถึงวันที่ 5 พ.ค.64 โดยมีการดำเนินการหลักๆ คือ งดเยี่ยมญาติแบบปกติที่เรือนจำ งดนำผู้ต้องขังออกทำงานนอกเรือนจำ งดย้ายผู้ต้องขังระหว่างเรือนจำ พิจารณาแนวทางอื่นแทนการนำผู้ต้องขังออกศาล งดนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ แยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่โดยห้ามย้ายหรือออกจากห้องเป็นระยะเวลา 14-21 วัน และประสานโรงพยาบาลแม่ข่ายในการเข้าตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายอย่างน้อย 2 ครั้ง ก่อนออกจากห้องแยกกักโรค

ทั้งนี้ การดำเนินการที่ยังสามารถทำได้ คือ การเยี่ยมญาติทางไกลผ่านจอภาพ (แอปพลิเคชันไลน์) การซื้อสินค้าฝากผู้ต้องขังและการฝากเงิน โดยให้เรือนจำและทัณฑสถานทั้ง 143 แห่งทั่วประเทศถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ยกเว้นมีเหตุจำเป็นซึ่งต้องได้รับการอนุมัติเป็นการเฉพาะกรณี โดยต้องการเว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พบในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดนราธิวาสนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม โดยเบื้องต้น ได้มีมาตรการรองรับในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ดังนี้ จัดระบบBUBBLE AND SEAL คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า การแยกกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้ที่มีประวัติเสี่ยง และจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยใช้พื้นที่เรือนจำเก่า เพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรง หรือไม่มีอาการให้อยู่ในการควบคุมไม่แพร่เชื้อสู่ภายนอก รวมถึงการเร่ง SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงทุกคน

อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์ อยากให้ประชาชน รวมถึงญาติของผู้ต้องขังทุกคนมั่นใจ ว่ากรมราชทัณฑ์จะสามารถควบคุมและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้ ภายใต้การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และขอให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการประกาศใช้มาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการประกาศงดเยี่ยมญาติแบบปกติที่อาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในครั้งนี้ด้วย