Categories
ข่าว

ประวัติเคยจำคุก!! ตร.จับอาจารย์ ม.ดังสารคาม ขโมยโปรเจคเตอร์มหาวิทยาลัย แลกยาบ้า

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่28 เม.ย. 64 พ.ต.ท.ไกรทอง ชัยสิงห์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองมหาสารคาม พร้อมด้วยชุดสืบสวน ได้ทำการจับกุมตัวนายพงษ์ศักดิ์  อายุ 37 ปี ได้ที่บ้านที่บ้านพัก ถ.มหาชัยดำริห์ ต.ตลาด อ.เมือง มหาสารคาม ตำแหน่งอาจารย์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จ.มหาสารคาม เพิ่งบรรจุเป็นพนักงานประจำตามสัญญา เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 64 พร้อมยาบ้า 27 เม็ด และกล้องถ่ายรูป เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ 2 เครื่อง ทีวี แอลอีดี 1 เครื่อง


ขณะที่กำลังจับกุมอยู่นั้นนายภัทรพงศ์  อายุ 30 ปี ชาว ต.นาโพธิ์ อ.นาเชือก  จ.มหาสารคาม ที่รู้จักกับอาจารย์พงษ์ศักดิ์ในเรือนจำก็มาหาที่บ้านพักพอดี เจ้าหน้าที่จึงได้ขอค้นตัว พบยาบ้าใส่ไว้ 5 ถุง จำนวน 1000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณขอบกางเกงขาสั้นด้านขวามือที่นายภัทรพงศ์สวมใส่อยู่ และยาไอซ์อีก 5.24 กรัม

โดยแจ้งข้อกล่าวหาทั้งคู่ว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย , มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

จากประวัตินายพงษ์ศักดิ์ เป็นลูกครึ่งมีพ่อเป็นชาวต่างชาติ เข้าเรือนจำมาตั้งแต่ปี 47 ออกมาเมื่อปี 59 ในข้อหาจำหน่ายยาบ้า แต่เป็นคนเก่ง เรียนจบปริญญาตรี 3 ใบและ ปริญญาโท 1 ใบ ออกจากเรือนจำมาก็ไปเป็นอาจารย์ช่วยสอนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จ.มหาสารคาม ตั้งแต่ปี 61-63 เวลา 3 ปี โดยได้รู้จักกับนายภัทรพงศ์ ในเรือนจำที่ติดจากคดีลักทรัพย์เมื่อปี 57-59 นายพงษ์ศักดิ์ได้ยอมรับสารภาพมาได้ขโมยโปรเจคเตอร์ออกมาจริง และบางเครื่องก็นำไปแลกยาบ้ามาเสพ บางเครื่องก็ได้ให้เพื่อนนำไปจำนำเอาเงินมาให้ใช้ ทางเจ้าหน้าที่จะได้แจ้งข้อหานายพงษ์ศักดิ์ เพิ่มอีกหนึ่งคดี คือ ลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์

ทางด้าน พ.ต.ท.ไกรทอง ชัยสิงห์ กล่าวว่า จากเมื่อวันที่ 26 เมษายน 64 ทางมหาวิทยาลัย จ.มหาสารคาม ได้มอบอํานาจให้  นิติกรปฏิบัติการ มาพบพนักงานสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์ ว่าได้มีคนร้าย เข้ามาขโมยเครื่องโปรเจคเตอร์ จํานวน 17 เครื่อง และเครื่องคอมพิวเตอร์ จํานวน 1 ชุด ไปจากห้องเรียน บริเวณชั้น 9 อาคารเฉลิมเกียรติ 72 พรรษา  เมื่อวันที่ 22 เมษายน 64 ทางตำรวจจึงได้ลงพื้นที่และได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จึงได้สืบทราบว่านายพงษ์ศักดิ์ มีพฤติกรรมขโมยโปรเจคเตอร์จริง จึงได้ขอหมายจับเพื่อไปค้นที่บ้านพัก จนท.ไปถึงที่บ้านพัก เพื่อนก็มาหาพอดี

นิติกรปฏิบัติการ  ได้มาชี้เครื่องโปรเจคเตอร์ว่าเป็นของมหาวิทยาลัยจริง และจะได้ส่งเรื่องไปให้ทางอธิการบดีตั้งกรรมการสอบวินัยต่อไป