พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ตอบคำถามสื่อผ่านคลิปวีดีโอความยาว 30 นาที ในช่วงหนึ่ง ถึงสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ว่า คิดจะถอดใจลาออกหรือยุบสภาในช่วงเวลานี้หรือไม่ โดยระบุว่า
ยังไม่ใช่เวลา วันนี้ทำงานหนักทุกวัน ซึ่งคิดว่าตนก็พยายามทำอย่างที่สุดแล้ว ด้วยการฟังเสียงประชาชน พร้อมติดตามสถานการณ์จากคณะแพทย์และสาธารณสุข และเห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานติดต่อกัน 60 วัน ไม่ได้พักเป็นปีแล้ว จึงให้หน่วยงานไปดูแลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้ตามระเบียบราชการโดยเบิกให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ โดยต้องขอบคุณทั้งอาสาสมัคร จิตอาสา แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง
พลเอกประยุทธ์ ยังขอร้องนักการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นผู้แทนประชาชนมาจากประชาชน ต้องมีหลักการคิดหลักการวิเคราะห์ บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องทางการเมืองที่จะมาสร้างความเกลียดชังกันโดยใช่เหตุ เพราะประเทศชาติกำลังมีปัญหา ต้องเข้าใจตรงกันตรงนี้ เรื่องของทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นอย่าใช้โอกาสตรงนี้มาทำให้ทุกอย่างมีปัญหาก็แล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงปัญหาเรื่องสื่อและการสื่อสารช่วงวิกฤตโควิดฯ ว่า อยากย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยมีการแถลงทุกวันทั้งในส่วนศบค. สำนักงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือข้อมูลจากแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์
“แต่มีบางคนที่บิดเบือน ทำให้ทุกอย่างไขว้เขวไปทั้งหมด จึงต้องขอร้องเพียงแค่นั้น อะไรที่ได้รับข้อมูลหรือรู้มาแล้วคิดเอง วิเคราะห์เอง พูดเอง หรือวิจารณ์เอง สิ่งเหล่านี้อันตราย เพราะทำให้ระบบดูเหมือนไม่ดี ดังนั้นต้องฟังความ ทั้งสองข้าง”
เมื่อถามถึงกรณีมีนักการเมืองโพสต์ข้อความว่าไทยติดเชื้ออันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จไม่เป็นความจริง มองว่าเป็นการฉกฉวยช่วงวิกฤตให้เกิดความปั่นป่วนจะฝากเตือนอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมก็ได้แต่เตือนว่าต้องระมัดระวัง ซึ่งหากเราไม่ฟัง ก็ไม่ได้ แต่ฟังแล้วเชื่อทุกอย่าง ก็ไม่ถูก
ดังนั้นหากได้รับข้อมูลที่ถูกแชร์ต่อมา ขอให้เช็คก่อน เพราะวันนี้ก็มีการรายงานทุกวันอยู่แล้ว สถิติการติดเชื้อทั้งโลกประเทศใดอยู่ในระดับต้นๆขณะที่เราเองเมื่อวันนี้เพิ่มขึ้นมา ก็ต้องยอมรับ ซึ่งพูดถึงสถิติคนติดเชื้อคนตายต่างๆ เราก็ไม่ได้มากไปกว่าหลายประเทศ
“สิ่งเหล่านี้เราต้องคิดวิเคราะห์มีข้อมูลรับฟังทางราชการแล้วคิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นฟังอีกทางที่ไม่ว่าจะหวังดีไม่หวังดี เจตนาหรือไม่เจตนาก็แล้วแต่ แล้วคิดเองบางทีก็ทำให้การรับรู้ผิดไป กลายเป็นเหมือนระบบเราล้มเหลว ถ้าระบบเราล้มเหลวคงเป็นมากกว่านี้ “