Categories
ข่าว

โฆษกรัฐบาล เผย โควิดสัญญาณดีขึ้น “บิ๊กตู่” จัดหาวัคซีน 140 ล้านโดส ภายในปี 64

วันที่ 29 ส.ค.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ของไทยมีสัญญาณดีขึ้น ยอดผู้ป่วยที่รักษาหายสามารถกลับบ้านได้ ตัวเลขอยู่ที่กว่า 2 หมื่นคน ติดต่อกันเป็นเวลากว่า 20 วันแล้ว และจำนวนผู้หายป่วยกลับบ้านนั้นมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันกว่า 10 วันแล้วด้วย ถือเป็นข่าวดี ขณะเดียวกันจำนวนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็มีแนวโน้มค่อยๆ ลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าตัวเลขจะยังสูงอยู่ เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่แนวโน้มในระยะยาวน่าจะค่อยๆ ลดลง ทั้งนี้ ศบค. ได้เห็นชอบกับแผนกาที่เรียกว่าการควบคุมโรคแนวใหม่ ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด -19 หรือ “Smart Control and Living with COVID-19” ด้วยการยกระดับป้องกันตัวเองอย่างสูงสุด การฉีดวัคซีนให้เป็นภูมิคุ้มกันหมู่ การเข้าถึงชุดตรวจ ATK การจัดสภาพแวดล้อมของกิจการให้ปราศจากโควิด (COVID-Free Setting) เป็นต้น

นายธนกร กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนว่า ภายในสิ้นปีนี้จะมีวัคซีนจำนวน 140 ล้านโดส นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เจรจาสั่งซื้อวัคซีนจากสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มอีก แบ่งเป็นวัคซีนแอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) จำนวน 2 ล้านโดสต่อเดือน (ก.ย.-ธ.ค.64) และวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer/BioNTech) จำนวน 2.5-3 ล้านโดสต่อเดือน (ก.ย.-ธ.ค.64)

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาวัคซีนโควิดสำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี เพื่อสร้างภูมิให้พร้อมในการเปิดเรียนด้วย ซึ่ง ศบค.ได้นำมาตรการ Sandbox Safety Zone in School เป็นการทดลองเปิดเฉพาะโรงเรียนประจำก่อนบางแห่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับครูแล้วกว่า 573,656 คน และยังคงมีนักเรียนในระบบอีกประมาณ 4 ล้านคน จากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ไทยจะได้รับวัคซีนรวมทุกประเภท 140 ล้านโดส โดยจะเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนตามเป้า 50 ล้านคน ครอบคลุม 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ทั้งบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยให้เร็วที่สุด สอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ไทยมีอยู่

“ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด ทั้งสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่ต้องตระหนักว่าเชื้อโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ระบาดกว้างขวาง แพร่กระจายเชื้ออย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทย แต่เป็นวิกฤตทั่วโลก บางคนติดแล้วไม่แสดงอาการ ทำให้ไปติดครอบครัวได้ง่าย จึงขอให้คิดเสมอว่า เราอาจจะติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว และอาจจะเป็นผู้แพร่เชื้อได้ ดังนั้น ขอให้ทุกคนยกระดับการป้องตนเองแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ต้องระมัดระวังสูงสุด ออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้น สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัว ทานอาหารปรุงสุก หากพบว่าตนเองมีความเสี่ยงต้องรีบตรวจด้วย ATK ขอให้ทุกคนอดทน เพื่อช่วยกันลดโอกาสการติดเชื้อเพิ่ม นำไปสู่การฟื้นฟูประเทศต่อไป” นายธนกร กล่าว