Categories
ข่าว

จับสึกไม่ได้!! ศาลสั่งปรับคาผ้าเหลือง เจ้าอาวาส-พระลูกวัด ตั้งวงฉันหมูกระทะ ดื่มเบียร์ คนละ 10,000-12,500 บาท ก่อนปล่อยตัวทันที

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ บุกจับกุมกลุ่มพระสงฆ์ตั้งวงสังสรรค์รับประทานหมูกระทะและดื่มเบียร์กันอย่างสนุกสนาน ภายในวัดปันเสา ซึ่งเป็นวัดชื่อดัง ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยพบพระสงฆ์ 6 รูป และฆราวาสชาย 2 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก ตรวจพบมีแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงควบคุมตัวทั้งหมดนำไปสอบสวนที่สถานีตำรวจและดำเนินคดี พร้อมแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฐานรวมตัวมั่วสุม นอกจากนี้ประสานพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยของคณะสงฆ์

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 ส.ค. 2564 พนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ควบคุมตัวพระครูปลัดสุรเดช สายแผ่เยือง อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดยางกวง ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่, พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร วิมุติญาณกุล อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่, พระอธิษฐณัฏฐ์ ปัญญาอิานแก้ว อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านปิง ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่, นายสหการ สมศักดิ์ อายุ 25 ปี

พระภานุกร คำป็อก อายุ 42 ปี เจ้าอาวาสวัดปันเสา, พระใบฏีกาอานนท์ ปัญญาปโตยานนท์ประทุม อายุ 35 ปี, พระทักษิณ ศรีธิ อายุ 36 ปี พระลูกวัดปันเสา และนายจรัสรวี ราชสมบัติ อายุ 23 ปี ส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจำเลยที่ 1-8 ฐานความผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาลงโทษ จำเลยที่ 1 ถึง 4 โดยลงโทษปรับเงิน 12,500 บาท และจำเลยที่ 5 ถึง 8 ลงโทษปรับเงิน 10,000 บาท ซึ่งหลังจากชำระค่าปรับแล้ว ทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวทันที

พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสินธ์ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังมีการจับกุมพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้นำเรื่องปรึกษากับพระราชรัชมุนี เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ความว่าความผิดที่เกิดขึ้นไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก 4 ที่ประกอบด้วย เสพเมถุน ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน พรากกายมนุษย์จากชีวิต ( ฆ่าคน ) และ กล่าวอวดอุตริ จึงไม่เข้าขั้นต้องลาสิกขาบทตามธรรมวินัย


ขณะที่พระสงฆ์ทั้งหมด ไม่สมัครใจลาสิกขาบท ทำให้ไม่สามารถบังคับได้ ส่วนในการดำเนินคดี แม้จะไม่ลาสิกขาบท แต่พนักงานสอบสวนสามารถนำตัวส่งฟ้องผู้ต้องหา ขณะยังครองผ้าเหลืองได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจับกุม


คดีนี้มีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพระครูปลัดสุรเดช อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดยางกวง , พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร อายุ 41 ปี , พระอธิษฐณัฏฐ์ อายุ 34 ปี , พระภานุกร อายุ 42 ปี , พระใบฏีกายนนนท์ อายุ 35 ปี , พระทักษิณ อายุ 36 ปี , นายจรัสวลี อายุ 23 ปี และ นายสหการ อายุ 25 ปี ในข้อหาร่วมกันชุมนุมมั่วสุ่มหรือทำกิจกรรม ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 60/2564 และ พรก.ฉุกเฉิน ฯ


มีของกลางเป็นกระป๋องเบียร์เปิดแล้ว จำนวน 5 กระป๋อง และ ที่ยังไม่ได้เปิดอีก 3 กระป๋อง และ เครื่องดื่มไวน์อีก 3 ขวด ที่ยังไม่ได้เปิด นอกจากข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดแล้ว ในส่วนของพระครูปลัดสุรเดช , พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร , พระอธิฐณัฏฐ์ และ นายสหการ ยังถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในข้อหาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอันเป็นความผิดตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551


นางสาวเกษสุดา ต.เจริญ ผู้อำนวยกการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว โดยในส่วนของ พศ.เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและระเบียบข้อกฏหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการอะไรได้ แต่จะเป็นเรื่องของการดำเนินการทางปกครองของคณะสงฆ์

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ พระเลขาเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ แจ้งว่าเจ้าคณะอำเภอติดกิจนิมนต์ แต่ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ในขั้นใดจะดำเนินการตามขั้นตอน สำหรับวัดปันเสาเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์มาลาเรีย เขต 2 และ อยู่ติดกับพื้นที่ลานจอดรถโรงพยาบาลเอกชน ไม่มีชุมชนรอบข้าง ทำให้ไม่มีชาวบ้านทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าว โดยคาดว่าอาจเป็นคนในวัดที่สุดทนพฤติกรรม แอบร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าตรวจสอบ

ขณะที่ในวันนีผู้สื่อข่าวสำรวจที่วัดปันเสา ไม่พบความเคลื่อนไหว โดยมีการปิดประตูทางเข้าออก ส่วนร้านกาแฟบุญรักษาซึ่งเป็นร้านกาแฟของทางวัด ติดป้ายปิดให้บริการ 31 สิงหาคม – 1 กันยายน โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นปิดปากเงียบไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว