Categories
ข่าว

พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม!! ห่วงใยอนาคต 2 พส. ในวงการคณะสงฆ์-สำนักพุทธฯ ชี้ ให้ประชาชนตัดสินเอง

วันที่ 5 ก.ย. พระเทพปฏิภาณวาที หรือ เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงกรณีพระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก มีผู้รับชมพร้อมกันสูงถึงกว่า 2 แสนคน ว่าวิธีการดังกล่าวเป็นการดำเนินการ “แนวใหม่” เปลี่ยนภาพลักษณ์การแสดงธรรม แต่ย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ที่แน่ๆ พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม

ส่วนตัวจึงรู้สึกห่วงใยอนาคตในวงการคณะสงฆ์ของพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เนื่องจากมีความรู้ดีทั้งคู่ พรรษาเกิน 10 ต่อไปต้องเติบโต ถ้าให้แนะนำ ควรปรับโดยใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนา และพระพุทธวจนะเป็นแกนหลัก ส่วนมุขตลกหรือแก๊ก เป็น 1 ใน 4 ของหลักการเทศน์อยู่แล้ว

“หลักการเทศน์ของพระสงฆ์ หลักการคือ 1.ให้เกิดปัญญา 2.ให้กล้าปฏิบัติ 3.ให้กำจัดความชั่ว 4.ให้กลั้วเสียงหัวเราะ ซึ่งเป็นประเด็นท้าย อย่างไรก็ตาม หัวข้อที่พูดคุย ถ้าเน้นหัวข้อธรรมะเป็นแกนกลาง มีพระพุทธพจน์ มีปุจฉา วิสัชนา ซึ่งมีได้หลายอารมณ์

พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง เป็นน้อง อาตมารักและห่วงใย ถือเป็นพระเถระ พรรษามากกว่า 10 อยากรักษาทั้ง 2 รูปนี้ไว้ เพราะเป็นพระที่มีความรู้ดี จบปริญญา อาตมาเอง ไม่มีปริญญาสักใบ ไม่ตำหนิ แต่ถ้าปรับเปลี่ยนให้เข้ากระบวนการ 4 อย่างของการแสดงธรรมมาตรฐาน ตลกนิดๆ สาระเยอะกว่า เข้าประเด็น จะได้ไม่มีใครมาว่าได้ในประเด็นไม่ถูกสมณสารูป


เพราะทั้ง 2 จะต้องเป็นพระผู้ใหญ่ในอนาคต พระผู้ใหญ่หลายรูปมาเปรยกับอาตมา พระผู้ใหญ่ไม่ปลื้มเลย ไปลองถามๆ ดูก็ได้ อาตมาเป็นห่วงว่าทั้ง 2 จะไม่มีอนาคตในวงการคณะสงฆ์ ขนาดการเมืองนิดๆ หน่อยๆ ที่อาตมาพูด ยังร้อนระอุ อาตมาเคยโดนตำหนิมาก่อนแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว” เจ้าคุณพิพิธกล่าว

เจ้าคุณพิพิธ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป พระมีโซเชียลเป็นสื่อของตัวเอง ไม่ถูกควบคุม ผลิตเอง ถ้าออกโทรทัศน์อย่างในอดีต จะมีการตรวจสอบก่อน อะไรที่หนักไป แรงไป เกี่ยวกับการบ้านการเมือง จะถูกตัดออก บางครั้งยกทิ้งทั้งชั่วโมง ตลกไป ก็ถูกขอตัด ส่วนตัวไม่ติดใจอะไร ถือว่าได้เรียนรู้ คนที่ไม่ชอบ อย่าคิดว่าเขาเป็นศัตรู พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่เห็นโทษในตัวเรา ขอให้มองเป็นการชี้ขุมทรัพย์

เจ้าคุณพิพิธ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พระมหาไพรวัลย์ เคยมีงานเขียนที่เข้มข้น ดุดัน ซึ่งก็อันตรายต่อตัวท่านอีกแบบหนึ่ง เมื่อมาใช้โซเชียลแบบนี้อาจลบภาพเก่าไป แต่อย่างนี้อาจอันตรายกว่า พระนักเทศน์ในไทยมีเยอะ มีพระเทศน์มหาชาติออกสื่อตัวเองทางยูทูบ เอาปี่พาทย์ไปบรรเลงพร้อมกับลิเก ตลกโปกฮา สมัยก่อนอาตมาเองก็เคยบ้าง นิดๆ หน่อยๆ เคยทำมาหมดแล้ว แต่ไม่ตลกขนาดนี้

“ต่อมา เมื่อครั้งไปออกรายการโต้วาที ตลกโปกฮา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านมาขอร้องอย่าไปออกรายการแบบนี้ หยุดเถอะ พระผู้ใหญ่ท่านแนะนำว่า จะเป็นการหยุดความเจริญของตัวเอง คณะสงฆ์ก็จะไม่ได้ใช้ความรู้ของเรา สิ่งที่พยายามสื่อสารทางธรรม จะเสียสาระ อาตมาจึงเลิก ถ้าตลกนิดๆ หน่อยๆ ให้โยมพอฮา พอหัวเราะได้ อย่างนี้ไม่เป็นไร อาตมารักน้องทั้ง 2 รูป วันหนึ่งเขาต้องเติบโตเป็นพระผู้ใหญ่ในอนาคต วงการคณะสงฆ์ต้องมีนักเทศน์ที่มีความรู้” เจ้าคุณพิพิธกล่าว

นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ. เปิดเผยกรณีพระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก มีผู้รับชมพร้อมกันสูงถึงกว่า 2 แสนคน ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ว่า การพิจารณาถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมนั้น จะเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ หรือเจ้าอาวาส ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป

โดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับไปเสียจากวัดได้

นายสิปป์บวร กล่าวต่อว่า แม้หลายคนจะเห็นว่าการแสดงธรรมเช่นนี้เป็นวิธีการใหม่ รูปแบบใหม่ เป็นนวัตกรรมหนึ่งในการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาออกสู่สังคม มองว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว เพราะสังคมเราต้องการให้พระนำหลักธรรมคำสอนสู่สังคม เพื่อให้ทุกคนมีหลักธรรมประจำใจในการดำรงชีวิตไม่ให้เกิดความผิดพลาด และสร้างความเดือนร้อนต่อสังคม

แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์คือ ความสำรวมในความเป็นสงฆ์ ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าพระทั้ง 2 รูป ที่เผยแผ่พุทธศาสนาผ่านไลฟ์สดนั้น มีความเหมาะสมหรือไม่

“โดยส่วนตัวจะไม่ไปวิเคราะห์แทนพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่าประชาชนมีองค์ความรู้ มีความคิดเป็นของตนเอง สามารถวินิจฉัย พินิจพิเคราะห์ได้เองว่า การแสดงลักษณะนี้อยู่ในความสำรวมของสงฆ์หรือไม่” นายสิปป์บวร กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์