Categories
ข่าว

เชื่อช่วยให้การสอนดีขึ้น!! “ตรีนุช” เร่งแก้หนี้สินครู-บุคลากรการศึกษา กว่า 41,000 คน ยอดรวมกว่า 58,000 ล้านบาท

วันที่ 31 พ.ค.65 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินฯ ศธ. ได้หารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหารของธนาคาร เพื่อหาแนวแก้ปัญหาหนี้สินครู และบุคลากรทางการศึกษา ภายใต้โครงสร้าง “สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” ซึ่งหลังจากปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมโครงการแก้หนี้ 41,128 คน ยอดหนี้รวม 58,835,199,322 บาท และได้มีการจำแนก และจัดส่งต่อข้อมูลให้กับสถานีแก้หนี้ในระดับเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละแห่ง เพื่อเชิญลูกหนี้รายบุคคลมาหารือถึงแนวทางแก้ไข รวมถึงการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ พบว่า มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจำนวน 27 แห่ง ขอรับการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินรวมประมาณ 54,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ในการแก้ไขด้วยการรวมยอดหนี้ของครูรายบุคคลมาไว้ที่สหกรณ์เพียงแห่งเดียว เพื่อการบริหารจัดการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับแนวทางแก้ปัญหาหนี้สินครูที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับครูมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.4 มีครูได้รับประโยชน์รวมเกือบ 3 แสนบัญชี ขณะเดียวกัน ได้อนุมัติสินเชื่อพิเศษให้กับครู โดยสามารถนำเงินบำเหน็จตกทอดมาค้ำประกันการกู้ยืม ซึ่งสามารถกู้ได้ 100% ของเงินบำเหน็จตกทอด คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ใน 10 ปีแรก มีระยะเวลากู้ถึง 30 ปี แต่มีเงื่อนไขให้นำเงินกู้ก้อนใหม่ไปชำระสินเชื่ออื่นๆ ที่มีดอกเบี้ยสูง

นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังสนับสนุนเงินกู้พิเศษดอกเบี้ยต่ำให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยเฉพาะสหกรณ์ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และสหกรณ์ที่ทำการรีไฟแนนซ์ หรือปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” โดยให้กู้ในวงเงินถึง 2 เท่าของยอดเงินที่มีการปรับโครงสร้าง โดยให้อัตราดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได้ ต่ำสุดเพียงร้อยละ 2.2 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท

“เมื่อคุณครูทุกคนได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการปรับสภาพและแก้ไขปัญหาหนี้สิน เป็นการลดข้อกังวลในการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว จะส่งผลให้คุณครูสามารถทุ่มเทเวลาให้กับการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น” น.ส.ตรีนุชกล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังได้ชะลอการดำเนินคดีทางกฎหมายกับลูกหนี้ครูกว่า 25,000 ราย ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ รวมถึงการปรับลดค่าธรรมเนียมประกันและการค้ำประกันบุคคลที่ไม่จำเป็น การปรับลดจำนวนผู้ค้ำประกัน ช.พ.ค. กรณีผู้กู้ไม่ทำประกัน และเปลี่ยนเกณฑ์การพิจารณาจำนวนผู้ค้ำประกันจากวงเงินกู้เป็นเงินต้นคงเหลือ รวมถึงมาตรการผ่อนปรนอื่นๆ ทั้งที่เป็นลูกหนี้ที่ดีและลูกหนี้ที่เป็น NPL เช่น การพักชำระเงินต้น และ/หรือดอกเบี้ยบางส่วน

ด้าน นายสุทธิชัย กล่าวถึงการหาแหล่งเงินกู้เพื่อสนับสนุนสหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ เพิ่มเติมว่า ได้มีข้อตกลงร่วมกับ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งประเทศไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด ในการสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้กับสหกรณ์ฯ เพื่อไปดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” โดยให้วงเงินกู้ 3,000 ล้านบาท สัญญาละไม่เกิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และมีเงื่อนไขว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้องนำเงินกู้ไปให้สมาชิกกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ได้ไม่เกินร้อยละ 4 ต่อปี มีระยะเวลาการชำระหนี้ 10 ปี นอกจากนี้ ยังสนับสนุนเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินอีก 30,000 ล้านบาท สัญญาละไม่เกิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ระยะเวลาการชำระหนี้ 10 ปี

ทั้งนี้ นอกจากกระทรวงศึกษาธิการจะหาแนวทางแก้ไขด้วยการประสานเพื่อจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งประเทศไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัดแล้ว ยังมีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 1-2 แห่ง ที่มีผลการดำเนินงานที่ดี พร้อมให้เพื่อนสหกรณ์ด้วยกันกู้อีก 200 ล้านบาทด้วย นายสุทธิชัย กล่าว