ภายหลังจากนายสถาพร ศรีสังข์อายุ 23 ปีอยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 5 บ้านดอนก่อตำบลหนองแก้วอำเภอเมืองร้อยเอ็ดจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ดว่า บิดาคือนายพเยาว์ ศรีสังข์อายุ 56 ปีได้หายไปออกจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ Honda Wave i สีน้ำเงินขาว ลูกพร้อมญาติตามหาหลายวันก็ ไม่พบวี่แวว หวังว่าจะได้รับอันตราย ก่อนที่จะเข้าแจ้ง
ความไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ต่อมาเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ดได้รับแจ้งมีชาวบ้านพบกองขี้เถ้าและกระดูกคล้ายกระดูกของมนุษย์อยู่บริเวณทุ่งนาระหว่างถนนบ้านดอนก่อไปยังบ้านสังข์สงยาง จึงออกไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด
บริเวณดังกล่าวมีกองขี้เถ้าถูกเผาไหม้และมีเส้นลวดของยางรถยนต์พร้อมเศษกระดูกจำนวน 1 ซึ่งคาดว่าจะเป็นกระดู กของมนุษย์จึงเก็บและรวบรวมส่งพิสูจน์ ที่ สถาบันนิติเวช
ต่อมา ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบหาหลักฐานพบกล้องวงจรปิดนหมู่บ้านว่ามีนายทราย อายุประมาณ 74 ปีชาวบ้านเดียวกัน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปกับผู้เสี ยชี วิต ออกไปทางเส้นทางดังกล่าว และเห็นนายทรายขับรถกลับมาคนเดียว จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน นายทรายให้การภาคเสธว่าเนื่องจากผู้เสี ยชี วิตนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ของตนแล้วเกิดพลัดตกเสี ยชีวิ ตตนเกรงว่าจะมีความผิดจึงนำร่างของผู้เสี ยชี วิตไปเผาโดยใช้ยางรถยนต์เป็นเชื้อเพลิงจนไหม้แทบจะไม่เหลือซ าก จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสี ยชี วิตไปทิ้ง อยู่พื้นที่ทางไป บ้านดู่ อำเภออาจสามารถ
อย่างไรก็ตามการให้การของผู้ต้องสงสัยยังพบพิรุธหลายอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม
ส่วนลูกชายผู้เสี ยชี วิตรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่านายทรายน่าจะเป็นคนลงมือฆ่ าพ่อของตนจริง ส่วนสาเหตุอะไรนั้นอยู่ระหว่างกา
โดยอุปนิสัยคุณพเยาว์ เป็นคนจังหวัดพิจิตรมาเอาแต่วงานกับภรรยาที่บ้านดอนก่อ มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ชอบดื่มสุราหลังจากเลิกงาน ทำกับข้าวให้ภรรยาไปบายที่ตลาดเป็นประจำ
จากการสอบถามนายจำลอง จันทัง อายุ 66 ปี เจผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าเมื่อวันที่ 24 ก.พ.63 14.00 น. ผู้ต้องหาได้มาทำงานรับจ้างขุดท่อระบายน้ำที่ร้านค้าภายในหมู่บ้าน ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 100 เมตร ในระหว่างที่ผู้ต ายได้ขับรถกลับมาจากซ้ง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ได้ขับผ่านหน้าร้านค้า ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเรียกผู้ตายมาดื่มสุรา เนื่องจากทั้ง 2 คนเคยทำงานก่อสร้างด้วยกัน ก่อนที่ผู้ต้องหาซื้อสุราขาวขวดใหญ่ 1 ขวดและแป๊ปซี่ 1 ขวด โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 2 คน มีอาการมึนเมาสุรามาก่อนแล้ว ผู้ต ายได้เดินมาที่ร้านค้าก่อนจะทวงถามเครื่องมือก่อสร้างเป็นเครื่องตัดไฟเบอร์กลาสกับผู้ต้องหา ก่อนที่ผู้ต้องหาจะคืนเงิน 2,500 บาทให้กับผู้ต ายเป็นค่าเครื่องตัดไฟเบอร์กลาส หลังจากผู้ต้องหาได้ทวงถามเงินค่าดอกเบี้ยจำนวน 2 เดือนที่ผู้ตายติดค้างตน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ให้ผู้ตายยืมเงิน 15,000 บาท ผู้ตายจึงเอาเงินคืนให้ผู้ต้องหาจำนวน 1,000 บาท ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ต้องหาปล่อยเงินกู้คือ 1,000 ต่อ 5 บาทต่อสัปดาห์ หลังจากนั้นจึงได้นั่งกินเหล้าจนเมากันทั้ง 2 คน และมีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกัน โดยผู้ต ายได้ยกเท้าชี้หน้าผู้ต้องหาแต่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือกัน หลังจากนั้นเวลา 14.30 น. ผู้ต้องหาได้ชักชวนให้ผู้ตายไปส่งผู้ต้องหาเอาวัวกลับเข้าคอก หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็ได้หายตัวไปโดยขาดการติดต่อ
จากการสอบถามนายพนม ศิริเวช อายุ 43 ปี ได้ไปดักกุ้งที่หนองน้ำธรรมชาติชื่อหนองบอน ได้ไปพบรถจักรยานยน ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถของผู้ต ายจอดอยู่ไกลจากจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ ดังกล่าว
ข่าวโกมล วรามิตร 097-3366-351