วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563 เวลา 15.15 น. จังหวัดร้อยเอ็ด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดร้อยเอ็ด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดร้อยเอ็ด สถานีตำรวจภูธรศรีสมเด็จ ได้วางแผนล่อซื้อและทำการจับกุมดำเนินคดีผู้ประกอบการที่จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด และในราคาสูงเกินสมควร ในพื้นที่อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด สืบเนื่องจากวันที่ 5 มีนาคม 2563 เวลา 12.30 น. สำนักงานพาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้บริโภค ผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 แจ้งว่าได้รับความเรือดร้อนในการซื้อหน้าการอนามัยในราคาแพงเกินกำหนดและราคาแพงเกินสมควร
จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีผู้ประกอบการได้จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ โดยได้ทำการล่อซื้อครั้งแรกวันที่ 10 มีนาคม 2563 พบว่าผู้ประกอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยชนิดธรรมดา ยี่ห้อ Winpra บรรจุกล่องกระดาษขนาด 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 850 บาท (ราคาเต็ม 950บาท/กล่อง ให้ส่วนลด 100 บาท) เฉลี่ยชิ้นละ 17 บาท เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและร่วมกันในการวางแผนในการล่อซื้อ ในวันที่ 11 มีนาคม 2563 ซึ่งผู้ประกอบการได้จำหน่ายหน้ากากอนามัยชนิดธรรมดา ยี่ห้อ Winpra บรรจุกล่องกระดาษขนาดจำนวน 50 ชิ้น 1 กล่องในราคา 850 บาท
เมื่อมีการออกใบเสร็จรับเงินและได้รับเงินทอน เจ้าพนักงานฯ ได้แสดงตัวทำการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง คือ ธนบัตรและสำเนาธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อ เงินทอน ใบเสร็จรับเงิน และหน้ากากอนามัยที่ได้จากการล่อซื้อ 1 กล่อง รวมถึงหน้ากากอนามัยที่อยู่ภายในสถานที่เกิดเหตๆ อีก 30 กล่อง ให้เจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีสมเด็จ ดำเนินคดีในข้อหา จำหน่ายสินค้าควบคุมสูงกว่าราคาที่กำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ข้อ 2 (1) และ ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2563 เรื่อง การกำหนดราคาจำหน่ายและการแจ้งข้อมูลหน้ากากอนามัย ลงวันที่ 5 มีนาคม 2563 ข้อ 3 และ ข้อ 4 เป็นความผิดตามมาตรา 25 (1) และโทษตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการประกอบธุรกิจโดยจงใจที่จะทำให้ราคาหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของหน้ากากอนามัย เป็นความผิดตามมาตรา 29 และโทษตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ