Categories
ข่าว

บริหารล้มเหลว!! “เพื่อไทย” ซัด “บิ๊กตู่” ให้ยอมรับความจริง เศรษฐกิจไทยเสี่ยงสูง รายได้ต่ำ หนี้ครัวเรือน ทะลุ 90%

วันที่ 6 เม.ย.64 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากรู้สึกสับสนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พูดกลับไปกลับมา วันหนึ่งยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงจากเอกสารรายงานของกระทรวงการคลัง แต่อีกวันกลับออกมายืนยันว่าการคลังไทยยังแข็งแกร่ง ทำให้ประชาชนสงสัยว่าสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างไรกันแน่ ดังนั้นจึงอยากให้ข้อมูลที่แท้จริงเพื่อประชาชนจะได้เตรียมตัวและปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต ความจริงที่น่ากังวลคือ เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงจริง รายได้ต่ำ ใช้จ่ายสูง ต้องกู้เงินอุดงบประมาณไปอีก 5 ปี ตามที่กระทรวงการคลังรายงาน และพลเอกประยุทธ์ได้ยอมรับเอง ทั้งนี้เกิดมาจากหลายสาเหตุและยังมีสัญญาณเศรษฐกิจที่ส่ออาการเสื่อมทรุดต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักของการเสื่อมทรุดมาจากความล้มเหลวของการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาตามศักยภาพได้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเตี้ยมาตลอด ดังนั้นเมื่อปัญหาการขยายตัวต่ำมาหลายปี ปัญหาที่ตามมาคือ รายได้ของประชาชนลดลง บริษัทห้างร้านขาดทุนและต้องปิดตัวเองเป็นจำนวนมาก และบริษัทห้างร้านที่ยังเปิดอยู่ก็มีรายได้ลดลงและกำไรหายไปมาก ทำให้การเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้ามาทุกปี อีกทั้งการลงทุนหดหายไปจากความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลเผด็จการ และการส่งออกแทบไม่ขยายตัวเลยจากการลงทุนที่ลดลงนี้ เศรษฐกิจไทยอาศัยการท่องเที่ยวในการขยายตัวมาตลอด แต่พอมาเจอวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด รายได้จากการท่องเที่ยวจึงได้หายไป ทำให้เห็นปัญหาอิ่นๆตามมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้ หลักฐานการที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยอมรับความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจตลอดเวลาที่ผ่านมาเอง โดยการปลด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ ทีมออกหมด เพื่อปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจส่วนใหญ่เกิดมาจากความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์เองพอๆกับความผิดพลาดของทีมนายสมคิด และการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ […]

Categories
ข่าว

รอวันเจ๊ง!! พยากรณ์เศรษฐกิจไทย ปี 64 “ยากลำบาก-เสื่อมถอยหนัก” ชี้ ไทยต้องการผู้นำที่ทันโลก

วันที่ 3 ม.ค.64 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ และอดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2564 ระบุว่า การคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 น่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจไทยจะยิ่งย่ำแย่เสื่อมถอยกว่าปีที่แล้วที่ว่าแย่แล้ว ทั้งนี้เพราะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาถึงปีนี้ได้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่กรุงเทพและอีก 8 จังหวัด และอาจจะต้องล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และไม่แน่ใจว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ถ้าหากยาวนานและหากไวรัสเกิดกลายพันธ์ุก็จะย่ิงสร้างความลำบากให้กับประชาชนมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบที่คาดกันว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้บ้างในปีนี้ก็อาจจะไม่ฟื้นเลยก็เป็นได้ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คาดกันว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะฟื้นตัวเป็นบวกได้บ้างประมาณ 3-3.5% ซึ่งก็ยังไม่ดีนัก เพราะยังฟื้นได้ประมาณครึ่งหนึ่งของที่เศรษฐกิจติดลบไปในปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกของประชาชนจะไม่รู้สึกว่าฟื้นเลย ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจได้ย่ำแย่มาเป็นเวลานานแล้ว แต่พอมาเจอการระบาดระลอกใหม่และทำท่าจะร้ายแรงและแพร่กระจายไปมากกว่าครั้งแรก ผลกระทบจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจยิ่งย่ำแย่ ประชาชนที่แบกภาระทางเศรษฐกิจหนักอยู่แล้วทั้งภาระหนี้สินที่พอกพูนจนหนี้ครัวเรือนจะทะลุ 90% ของจีดีพีตามที่ได้เตือนไว้แล้ว รายได้ที่ลดลง เงินเก็บที่ร่อยหรอและกำลังจะหมด จะยิ่งส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถทนต่อภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ต่อไปได้ ปีนี้จึงคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในระดับที่ต่ำมากหรืออาจจะเรียกได้ว่าเกือบไม่ฟื้นเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกว่าติดลบก็เป็นได้ อีกทั้งยังไม่เห็นหนทางที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้เลยจากการบริหารของรัฐบาลในปัจจุบันที่ยังจมอยู่ในกรอบคิดเก่าๆแบบเดิมๆ ดังนั้น ปีนี้จะเป็นปีที่ “ยากลำบาก และ เสื่อมถอยหนัก” อีกทั้งสาเหตุของการระบาดรอบใหม่นี้ก็เกิดมาจากความผิดพลาดของรัฐบาลทั้งเรื่องการปล่อยให้มีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในไทยอย่างผิดกฎหมายทำให้ควบคุมการแพร่เชื้อไวรัสไม่ได้ และยังปล่อยให้มีการเล่นการพนันในบ่อนเถื่อนจำนวนมากจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดโดยเฉพาะในจังหวัดระยอง โดยมีข้อมูลว่าเจ้าของบ่อนมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับคนในรัฐบาล ถึงขนาดส่งลูกชายไปเป็นอนุกรรมาธิการในสภาได้ ประชาชนจึงสงสัยกันว่าน่าจะเป็นระบบอุปถัมภ์ของคนในรัฐบาลใช่หรือไม่ ซึ่งหากไม่ใช่ก็จะต้องหาคนผิดมาลงโทษไม่ใช่ปล่อยให้เงียบหายไปแบบนี้ ดังนั้น การบริโภคของประชาชนและรายได้ของประชาชนในปีนี้ก็จะยังคงย่ำแย่ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจีดีพี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็ยังคงลดลงอย่างมาก […]

Categories
ข่าว

บริหารไม่เป็น!! “พิชัย” เย้ย “รัฐบาล” ต้องขับเคลื่อนด้วยการโดนด่า

วันที่ 27 เม.ย.63 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า การส่งออกเดือนมีนาคมที่ขยายตัว 4.17% แต่เมื่อหักการส่งออกทองคำและการส่งคืนยุทโธปกรณ์ซ้อมรบกลับสหรัฐที่ไม่สะท้อนภาวะการค้าที่แท้จริงแล้วการส่งออกจะหดตัวติดลบ – 2.5% ไม่ได้ขยายตัวตามที่กล่าวอ้างกัน อีกทั้งในวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมานี้ จะเป็นวันแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษทางการค้า (จีเอสพี) กับสินค้าไทย 573 รายการ มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาทซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยย่ำแย่ลงไปอีก ทั้งนี้ การค้าขายระหว่างประเทศของทั้งโลกภายหลังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะมีความผันผวนมากขึ้นไปอีก ดังนั้น การที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมความตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ดีถึงข้อดีข้อเสียที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศ อย่าเพียงคิดว่าประเทศไทยไม่สามารถเจรจาการค้ากับต่างประเทศมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี เพราะปัญหาของการปฏิวัติรัฐประหาร แล้วจะรีบแก้ไขโดยการเข้าร่วม CPTPP แบบไม่ลืมหูลืมตา ทั้งนี้เพราะไทยอาจจะต้องเจอปัญหาสิทธิบัตรยา และ ปัญหาลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งทั้งปัญหาด้านสาธารณสุข และ ปัญหาความขาดแคลนอาหารของโลก หลังจากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19ระบาดจะเป็นเรื่องใหญ่ ที่รัฐบาลต้องคำนึง อีกทั้งประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการค้าและการลงทุนจากการเข้าร่วม CPTPP ก็ยังไม่ชัดเจนจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกภายหลังการเกิดวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19นี้ โดยอยากให้รัฐบาลได้ฟัง และพิจารณา เสียงคัดค้านและเหตุผลของผู้มีชื่อเสียงและนักวิชาการจำนวนมากที่ได้ออกมาต่อต้านการเข้าร่วม CPTPP […]