วันที่ 17 พ.ค.63 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทันทีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) (ศบค.) มีการประชุมพิจารณา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ตลอดเพื่อพิจารณาถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยล่าสุดที่ประชุม ศบค. อนุมัติให้มีการผ่อนคลายระยะที่ 2 จากการประเมินการผ่อนคลายระยะที่ 1 พบตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเป็นลำดับ รวมทั้งความร่วมมือของประชาชนทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก จึงทำให้สามารถผ่อนคลายในระยะที่ 2 ตามมา ส่วนที่มีการเสนอจะให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทันทีนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจจะยังดำเนินการไม่ได้ทันที รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบกับประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลจำเป็นยังต้องให้คงอยู่ เพราะจากการรายงานของผู้ติดเชื้อไว้รัสโควิด-19 ในแต่ละวันยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อผันผวน แม้บางวันไม่มีผู้ติดเชื้อแต่บางวันยังมีผู้ติดเชื้ออยู่ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฯหยุดนิ่งก่อน “เพราะเราต้องรักษาชีวิตประชาชนก่อน” “รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกฝ่ายทุกส่วน พร้อมรับฟังคำแนะนำและข้อเสนอ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ แต่การจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเวลานี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่เมื่อถึงเวลาและสถานการณ์การแพร่ระบาดสามารถควบคุมได้ดีขึ้น ประกอบกับประชาชนให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง รัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดด้วย” […]
Tag: พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
“พล.อ.ประยุทธ์” ลงนามคำสั่ง ศบค.ที่ 3/2563 เรื่องแนวทางการปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 2 ป้องกันการระบาดของโควิด-19 ต้องดำเนินการโดยเคร่งครัด ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ ๓/๒๕๖๓ เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒) ตามที่นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมา ได้ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑) ลงวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ […]
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.63 กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุด กำชับทุกจังหวัดคงทุกมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเคร่งครัด ทั้งนี้การออกคำสั่งหรือประกาศของจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ให้รอการสั่งการเชิงนโยบายจาก ศบค.ก่อน เพื่อให้เกิดเอกภาพพร้อมกันทั่วประเทศ และมีข้อกฎหมายรองรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติต่อไป ได้แก่ 1. ประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จนถึงวันที่ 31 พ.ค.2563 2. ประกาศที่คณะรัฐมนตรี กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2563 เรื่องการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2563 เป็นต่อไป 3.ให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรี กำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป
จากกรณีที่หลายจังหวัดประกาศห้ามจำหน่ายสุราในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งหลายแห่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.2563 ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 เม.ย. รายงานข่าวจากที่ประชุมศบค.ย่อยระบุว่า สำหรับประกาศงดจำหน่ายสุรา เหล้า เบียร์ ที่ประกาศในส่วนของกทม.และจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.นั้น มีแนวโน้มว่าจะขยายการประกาศงดจำหน่ายสุราออกไปอีก โดยจะให้เป็นอำนาจการพิจารณาของผู้ว่าฯกทม. และผู้ว่าฯทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อมีมติเห็นชอบอย่างไรแล้ว จะต้องระบุรายละอียดลงไปในข้อกำหนดที่รัฐบาลจะประกาศในวันที่ 3 พ.ค. แต่มีเสียงวิจารณ์ว่าในเมื่อประกาศเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. และประกาศใหม่จะให้เริ่มวันที่ 3 พ.ค. ทำให้จะมีช่องว่างอยู่ 2 วัน คือวันที่ 1-2 พ.ค. อย่างไรก็ตามที่ประชุมศบค.ย่อย จะเสนอเรื่องให้ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้ง
วันที่ 28 เม.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบ Video Conference ที่ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าการประชุมส่วนรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี อื่นนั้นจะอยู่ประจำกระทรวงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับวาระการประชุมในวันนี้ จะมีการเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. ในการขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคงเคอร์ฟิว เวลา 22.00-04.00 น. ออกไปอีก 1 เดือน รวมทั้งการผ่อนปรนมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะอนุญาตให้เปิดร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ตลาด ร้านเสริมสวย และสถานที่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน แต่จะมีการออกเป็นระเบียบข้อบังคับ และมีการประเมินสถานการณ์ทุก 14 วัน […]
วันที่ 27 เม.ย.63 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้พิจารณาการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน หลังจากที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีความเห็นตรงกัน ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวเพิ่มอีกว่า ที่ประชุมยังมีมติต่ออายุ มาตรการเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. ต่อไปอีกเป็นเวลา 1 เดือน ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2563 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรการผ่อนปรนการล็อกดาวน์ต่างๆ นั้นจะอนุญาติให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสม และสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของประชาชน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) โดยมีคณะรัฐมนตรี หน่วยงานด้านความมั่นคง การสาธารสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียง คาดว่าการประชุมในวันนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงและการสาธารณสุข ในมาตรการต่างๆรวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แม้จะมีอัตราการติดเชื้อที่ลดลง แต่แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารสุขส่วนใหญ่ ยังมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าการผ่อนคลายมาตรการและข้อกำหนดต่างๆโดยทันทีอาจส่งผลให้การติดเชื้อกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง อีกทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้มีการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังมีความเห็นสอดคล้องว่าควรจะยังคงมาตรการและข้อกำหนดต่างๆไว้ก่อน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมเชิงบูรณาการวันเดียวกันนี้ ถือเป็นการหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยทำได้ดีมากในระดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง และที่ต้องมีการพิจารณาวันนี้คือเรื่องการต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งการปรับข้อกำหนดให้มีการผ่อนผัน จะต้องให้มีเวลาเตรียมการและมีมาตรการคู่ขนานด้านการสาธารณสุข ต้องดูแลก่อนช่วงที่จะมีการปลดล็อค ซึ่งการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มา 1 เดือนเต็มนั้น ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ทำหน้าที่ยังเต็มที่ทั้งผู้ที่ไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ก็มาเป็นที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือ วันนี้จะมีการพิจารณาข้อเสนอที่ส่งมายังภาครัฐ เป็นความร่วมมือของประชาชนจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ซึ่งสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลังจากที่มีการแพร่ระบาดหลังจากนี้ “สิ่งที่ผมจะขอความเห็นชอบจากที่ประชุมในวันเดียวกันนี้ คือแนวทางการผ่อนปรนภายหลังจากที่มีการขยายเวลาการประกาซใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน […]
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.จะเรียกประชุม ศบค.เพื่อจะสรุปว่า มีความจำเป็นต้องประกาศต่อพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปหรือไม่ในวันนี้(27 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมจะน่ามีการเสนอต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1เดือน เพื่อขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยปัจจัยที่ต้องต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันที่ ศบค.สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้อย่างเบ็ดเสร็จและรวดเร็วเพราะมีกฎหมายฉบับนี้ หากไม่มีหรือไม่ต่ออายุจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่มีประสิทธิภาพ ไม่ฉับไวเท่าที่ควร มาตรการเคอร์ฟิวจะทำไม่ได้และ ศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผอ.สามารถสั่งการได้โดยตรง ถ้าโควิด-19 หยุดเมื่อไหร่หรือคนป่วยเหลือน้อยลงเมื่อนั้นถึงจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ แต่การคลี่คลายต้องดูสถานการณ์โลกด้วยไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย พล.อ.สมศักดิ์ ยังกล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แต่จะเป็นตัวมาตรการตามมาที่มีผลต่อประชาชน ถ้าจะมีการผ่อนปรน ต้องผ่อนปรนที่มาตรการที่ออกตามมาในคราวต่อไป โดยวันนี้คงจะมีการหยิบยกมาหารือในที่ประชุม ศบค. ซึ่งต้องรอฟังจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ที่ได้ไปหารือกับภาคธุรกิจและจะนำกลับมาเสนอในที่ประชุมแล้วจึงไปหารือต่อระหว่าง สมช.กับสภาพัฒน์ฯว่า ที่เสนอมีความเป็นไปได้ขนาดไหน มีมาตรการเข้มข้นพอหรือไม่ พร้อมยืนยันว่า […]
วันที่ 20 เม.ย.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน ที่ประชุมได้ให้กระทรวงสาธารณสุขไปประเมินและหารือกับผู้ประกอบการและร้านค้า ที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่จังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ เพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการให้กับบางอาชีพ โดยย้ำว่าให้เป็นการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทีละนิด เช่น ตลาดนัดหรือร้านค้าบางประเภทในห้างสรรพสินค้าที่มีความจำเป็น แต่ยังต้องคงมาตรการเข้มในการรักษาความสะอาด การสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและการใช้เจลล้างมือก่อนเข้าพื้นที่ ส่วนร้านเหล้า สถานบันเทิง ยังไม่อนุญาตให้เปิด และยังคงมาตรการเคอร์ฟิวต่อเนื่อง ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน คาดว่าต้องขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน แต่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ จะยังไม่มีการบรรจุวาระเรื่องการขอขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าพิจารณาแต่อย่างใด พร้อมย้ำขอความร่วมมือเรื่องการทำงานที่บ้าน หรือ work from home ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค. ได้รับทราบรายงานรายงานถึงความก้าวหน้าด้านการวิจัย โดยเฉพาะการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการต้านการเพิ่มเชื้อไวรัสในเซลล์ที่ใช้เพื่อการรักษา และการพัฒนาวัคซีนทั้งในประเทศและความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น จีน คาดว่าจะพัฒนาได้ภายใน 1 ปีครึ่ง
วันที่ 20 เม.ย.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน ที่ประชุมได้ให้กระทรวงสาธารณสุขไปประเมินและหารือกับผู้ประกอบการและร้านค้า ที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่จังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ เพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการให้กับบางอาชีพ โดยย้ำว่าให้เป็นการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทีละนิด เช่น ตลาดนัดหรือร้านค้าบางประเภทในห้างสรรพสินค้าที่มีความจำเป็น แต่ยังต้องคงมาตรการเข้มในการรักษาความสะอาด การสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและการใช้เจลล้างมือก่อนเข้าพื้นที่ ส่วนร้านเหล้า สถานบันเทิง ยังไม่อนุญาตให้เปิด และยังคงมาตรการเคอร์ฟิวต่อเนื่อง ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน คาดว่าต้องขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน แต่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ จะยังไม่มีการบรรจุวาระเรื่องการขอขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าพิจารณาแต่อย่างใด พร้อมย้ำขอความร่วมมือเรื่องการทำงานที่บ้าน หรือ work from home ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค. ได้รับทราบรายงานรายงานถึงความก้าวหน้าด้านการวิจัย โดยเฉพาะการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการต้านการเพิ่มเชื้อไวรัสในเซลล์ที่ใช้เพื่อการรักษา และการพัฒนาวัคซีนทั้งในประเทศและความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น จีน คาดว่าจะพัฒนาได้ภายใน 1 ปีครึ่ง