Tag: โฆษกรัฐบาล

วันที่ 16 ส.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายก ให้สัมภาษณ์กรณีจะลาออกจากตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขยับเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แทนน.ส.วทันยา บุนนาค ที่ประกาศลาออกหรือไม่ ว่า ข้อเท็จจริงขณะนี้ต้องรอกระบวนการของสภา และตลอดเวลาที่ทำงานในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความสุขทุกวันที่ได้ทำงานกับนายกรัฐมนตรี นายธนกร กล่าวต่อว่า นายกฯ ให้ความไว้วางใจตนและทำงานด้วยดี ถือเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ ต้องขอขอบคุณนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ทุกคน โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงาน และขอบคุณรองโฆษกฯ ทั้งสองคน รวมถึงสื่อที่ทำงานด้วยร่วมกันด้วยดีมาตลอด นายธนกร กล่าวอีกว่า ถ้าลำดับรายชื่อมาถึงตน ก็พร้อมทำงานในกลไกสภา เป็นส.ส.ทำงานให้กับประชาชน ส่วนขั้นตอนต้องรอกลไกของสภาแจ้งมา ที่จริงคิดเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้ามาตลอดเพราะบัญชีรายชื่อขยับใกล้มาแล้ว จึงคิดและปรึกษากับผู้ใหญ่ที่นับถือหลายคน และหารือกับนายกฯโดยบอกว่ายินดีที่จะทำงานให้กับพล.อ.ประยุทธ์ เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน และนายกฯ ได้แสดงความยินดีกับตนด้วย เมื่อถามว่าคนที่จะมาทำหน้าที่โฆษกฯ ต้องเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ นายธนกร […]

โฆษกรัฐบาลเผย บลูมเบิร์กจัดอันดับไทยเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจที่สุด ขอฝ่ายค้านอย่านำตัวเลขดัชนีประชาธิปไตยของ EIU ที่ลดลง มาโจมตีรัฐบาล เพราะลดลงทั่วโลกจากพิษโควิด-19 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปัจจุบันส่งผลดีขึ้น สภาวะเศรษฐกิจการคลังดีขึ้น ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยส่งออกโต 4.7% ต่อปี อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินเศรษฐกิจไทย เป็นประเทศที่น่าสนใจอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ มีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงิน และระบบสาธารณสุขอยู่ในระดับสูง ขณะที่ดัชนีนวัตกรรม บลูมเบิร์ก รายงานว่า ไทยอยู่ในอันดับ 36 ดีขึ้น 4 อันดับ จากปี 2563 ได้คะแนนรวม 65.42 สะท้อนการใช้นวัตกรรมต่อสู้กับโควิด-19 และโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ขณะที่ หน่วยงานที่วิเคราะห์เศรษฐกิจ ของ THE ECONOMIST หรือ EIU ซึ่งเป็นนิตยสารชื่อดังระดับโลก เผยดัชนีประชาธิปไตยของไทยอยู่ในอันดับที่ 73 ที่ 6.04 […]

วันที่ 24 พ.ค. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตลอดระยะเวลา 6 ปีว่า นายกรัฐมนตรีย้ำอยู่เสมอถึงความจำเป็นในการเข้ามาบริหารประเทศเพื่อหยุดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง และที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้แก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน ซึ่งภารกิจหลักคือการช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และเกษตรกร ผ่านโครงการต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน ได้ดำเนินโครงการพัฒนาประเทศ ทั้งการขยายโครงข่ายด้านคมนาคม การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าหลายสายทั่วกรุงเทพฯ กว่า 160 กิโลเมตร รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพื่อความสะดวกในอนาคต และโครงการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนใประเทศไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม ทำให้ไทยถูก “ใบเหลือง” จากทางสหภาพยุโรป (อียู) รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาที่สะสมมานานหลายด้าน ทั้งการจดทะเบียนเรือประมง แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยการเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนสามารถปลดใบเหลืองได้ รวมถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ถือเป็นมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องโดยการทำงานแบบบูรณาการของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาโจมตีรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่าล้มเหลวนั้น หากมองภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 […]

วันที่ 2 พ.ค.63 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล พร้อมด้วย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขา สมช . แถลงย้ำ แนวทางมาตรการผ่อนปรน ที่จะมีผลบังคับใช้ 3 พ.ค นี้ว่า พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากชื่นชมทุกฝ่าย ที่ช่วยทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเป็นตัวเลขหลักเดียว ซึ่งมาตรการผ่อนปรน ทุกมาตรการจะต้องยึดโยงกับ ส่วนกลาง คือ ศบค. โดยแต่ละพื้นที่ สามารถเข้มกว่า ศบค.ได้ ประเมินจาก 3 ส่วน คือ ส่วนกลาง คณะกรรมการระดับจังหวัด และพื้นที่ ส่วนการผ่อนปรน 2 ด้าน 1.ด้านเศรษฐกิจ 2.การดำเนินชีวิต เพื่อให้ประชาชน กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและ ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ แต่ต้องปฎิบัติตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยจะประเมินใน 14 วัน ขณะที่ พล.อ.สมศักดิ์ ย้ำว่า เมื่อประกาศ […]

วันที่ 24 มีนาคม 2563 นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้อนุมัติหลักการให้อำนาจนายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เพราะต้องการที่จะสื่อสารถึงความจำเป็นในการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินต่อประชาชน และมีการเตรียมการจัดโครงสร้างของศูนย์อำนวยการฉุกเฉิน (ศอฉ.โควิด-19) และเมื่อประกาศใช้แล้วจะมีการประชุมทุกเช้าเพื่อประเมินสถานการณ์ “ในรายละเอียดยังไม่อยากจะให้ไปลือกัน สร้างความสับสน ขอให้รอความชัดเจน ซึ่งจะออกจากการแถลงข่าวเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดของข้อกำหนดต่างๆ ออกมา วันนี้เพียงแต่เห็นชอบหลักการและเหตุผลที่จะมอบอำนาจให้ท่านนายกฯ ได้ใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน” โฆษกรัฐบาลกล่าว

วันที่ 7 มี.ค. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีประชาชนบางส่วนตั้งข้อสังสัย และไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย รับบริจาคเงินจากประชาชน เพื่อใช้แก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ว่า ความตั้งใจแต่เริ่มต้นของรัฐบาลเรื่องการรับบริจาคเงิน เริ่มจากนายกรัฐมนตรีสอบถามความเห็นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการสละเงินเดือน เพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่นที่หลายประเทศได้ทำ ซึ่งทุกคนต่างเห็นด้วย แต่หากดำเนินการในรูปแบบกองทุนจะติดขัดข้อระเบียบปฎิบัติหลายอย่าง จึงเปิดเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล หมายเลขบัญชี 067-0138-290 ชื่อบัญชี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) “ขอย้ำว่าไม่มีเจตนาเปิดรับบริจาคเงินจากประชาชนทั่วไป แต่เมื่อมีข่าวทำให้ภาคเอกชนบางส่วน สอบถามช่องทางร่วมสนับสนุน ซึ่งรัฐบาลยินดีหากจะร่วมสมทบทุนผ่านช่องทางดังกล่าว รวมไปถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจด้วย”นางนฤมล กล่าว ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผอ.ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 กล่าวว่า การเปิดบัญชีดังกล่าวเป็นความตั้งใจของคณะรัฐมนตรีที่จะบริจาค และพร้อมเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่สนใจ ไม่มีการบังคับเรียกขอรับบริจาคแต่อย่างใด