Tag: ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

วันที่ 9 ธ.ค.2564 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564-65 (เพิ่มเติม) หลังจากครม.มีมติอนุมัติวงเงินสำหรับโครงการประกันรายได้เกษตกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 เพิ่มเติม 76,080.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตกและภาคใต้ จำนวนประมาณ 7.7 แสนราย ส่วนเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเริ่มโอนในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ประมาณ 7.5 แสนราย จากนั้นจะทยอยจ่ายตามรอบการผลิตที่แจ้งถึง 13 ธ.ค.2564 โดยคาดว่าในรอบวันที่ 9-13 ธ.ค.2564 จะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรตามข้อมูลที่ได้รับ และผ่านการประชุมของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 3-7 รวมทั้งสิ้น 3.58 ล้านราย คิดเป็นเงินกว่า 64,000 ล้านบาท ขั้นตอน-ช่องทางเช็กเงิน 1.เข้าเว็บไซต์ chongkho.inbaac.com 2.กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกดค้นหา 3.สำหรับผู้ที่ได้รับเงินระบบจะขึ้นข้อมูลว่า “โอนเงินเรียบร้อยแล้ว” […]

ชาวนาเตรียมเช็กเงินในบัญชี วันที่ 9 พ.ย.64 รัฐบาลพร้อมจ่ายงวดแรก ส่วนต่างประกันรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 492,571 ครัวเรือน สำหรับการประกันรายได้ให้แก่ชาวนา มติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และอุทกภัย โดยที่กลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้คือ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 10,864.23 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 4,135.77 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 10,407.75 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 3,595.25 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 9,947.87 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 1,052.13 […]

วันที่ 14 ต.ค.64 นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายผลึก อาจหาญ ผู้อํานวยการฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชุมชน นายวุฒิชัย ข่าขันมะลี ผู้อํานวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และนายจรรยงค์ สุวรรณศรี ผู้อํานวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมให้กําลังใจและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่บ้านปลาเดิด-ปลาปัด ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม จำนวน 200 ชุด ที่บ้านหนองผือ ต.หนองบัว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม จำนวน 100 ชุด ที่บ้านกอก ต.หนองบัว อําเภอโกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม จำนวน 100 ชุด นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เปิดเผยว่า ในการช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัย ในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน มอบถุงยังชีพแทนความห่วงใยจากใจ ธ.ก.ส. สนับสนุนศูนย์อพยพหรือจุดรวมพลต่าง ๆ เช่น จัดอาหาร/น้ำดื่ม เต้นท์สนาม บริการสุขาเคลื่อนที่ เครื่องนุ่งห่ม เงินบํารุงขวัญ กรณีลูกค้าผู้กู้หรือบุคคลในครอบครัวของลูกค้าผู้กู้เสียชีวิต […]

วันที่ 1 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรและครอบครัวของเกษตรกร วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยปล่อยกู้รายละไม่เกิน 10,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.1% ต่อเดือน ไม่ต้องใช้หลักประกัน พักหนี้ให้ 6 เดือนแรกนับจากวันกู้ ชำระคืนไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน ส่วนแบ่งค่างวดนั้น ผู้กู้สามารถแบ่งชำระได้ตามความสามารถ เช่น รายเดือน ราย 3 เดือน และราย 6 เดือน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นกู้ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย.64 ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ไลน์ @BAAC Family และเว็บไซต์ www.baac.or.th สอบถามโทร. 02-555-0555

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธ.ก.ส. ประกาศ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย นโยบายและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภัยแล้ง โดยปรับลด MRR ลงร้อยละ 0.125 และปรับลด MOR ลงร้อยละ 0.25 โดยมีผลตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตอบสนองทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภัยแล้ง ธ.ก.ส. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับเกษตรกรลูกค้ารายย่อยและบุคคลทั่วไป MRR ลดลงร้อยละ 0.125 และปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับกู้เบิกเงินเกินบัญชี MOR ลดลงร้อยละ 0.25 ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศของธนาคาร มีผลตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ที่มา : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โอนเงินเยียวยาให้เกษตรกรแล้ว 14,812 ล้านบาท โดยปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะโอนให้เกษตรกรกลุ่มที่ 2 ส่วนกลุ่มที่ 3 ที่เพิ่งขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม จะโอนปลายเดือนกรกฎาคม ความคืบหน้าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุด นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกว่า ช่วง 3 วันแรกที่มีการโอนเงิน คือ 15, 18 และ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ธ.ก.ส.จ่ายเงินเยียวยาไปแล้วกว่า 14,812 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรกลุ่มที่ 2 ซึ่งได้ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 1,570,000 คน มีกำหนดจ่ายเงินเยียวยาในวันที่ 30 และ 31 พฤษภาคมนี้ ขณะที่เกษตรกรกลุ่มที่ 3 ซึ่งไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมภายในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะต้องรอให้มีการเพาะปลูก จากนั้น 15 วัน จึงจะไปตรวจแปลงปลูก […]

จากกรณีที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. บอกว่า หลังจากที่ ธ.ก.ส. ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง เพื่อนำมาจ่ายเยียวยาให้เกษตรกรแล้ว จะรีบโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ จำนวน 10 ล้านราย ทันที โดยจะกระจายการโอนครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ประมาณวันละ 1 ล้านราย คาดเริ่มทยอยโอนเงินได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยขั้นตอนการจ่ายเงินนั้น ทาง ธ.ก.ส. จะรับข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นจะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเกษตรกรที่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว สามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิมได้ ไม่ต้องมาเปิดบัญชีใหม่ ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (4พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สาขาร้อยเอ็ด ริมถนนเทวาภิบาล เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด พบว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าใช้บริการจำนวนมาก ส่วนมากเป็นเกษตรกรที่เดินทางมาติดต่อเพื่อทำธุรกรรรมในการเปิดบัญชีและผูกบัญชีแบบพร้อมเพย์ เพื่อรับเงินที่จะโอนมาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธกส. โดยจ่ายให้กับเกษตรกรรายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวมเป็นเงิน 15,000 บาท โดยจะเริ่มโดนให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม […]

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 COVID-19 ให้คลายความกังวลจากภาระหนี้สิน และสามารถผ่านพ้นช่วงระยะเวลาแห่งความยากลำบากไปด้วยกัน โดย ธ.ก.ส.ออกมาตรการพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ถึงกำหนดชำระตั้งแต่งวดเดือนเม.ย. 63-งวดเดือนมี.ค. 64 เป็นเวลา 1 ปี โดยอัตโนมัติ และยังคงชั้นหนี้เดิมของลูกค้าก่อนเข้าโครงการฯ ซึ่งมาตรการดังกล่าวครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งที่เป็นเกษตรกรรายคน บุคคล ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมผู้ที่ได้รับประโยชน์จำนวน 3,348,378 ราย ก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส. มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มาอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 4 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ในภาพรวม ประกอบด้วยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย ปลอดชำระต้นเงินใน 3 ปีแรก ให้กับลูกหนี้ปกติ และลูกหนี้ NPL ครอบคลุมทั้งเกษตรกรลูกค้า ผู้ประกอบการ และสถาบัน […]