วันที่ 21 เม.ย. 63 ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระโหม กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีการพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่จะมีการประชุมกันในอังคาร ที่ 28 เม.ย. ทุกอย่างอยู่ที่ความร่วมมือ ยืนยันว่ารัฐบาลได้ดูแลประชาชนอย่างครอบคลุม อย่ามองแค่เรื่องเงินเยียวยา ทั้งนี้ จะไม่ผลีผลามผ่อนปรนจะต้องพิจารณาและดูถึงสถิติต่างๆ รวมทั้งจะต้องระมัดระวังให้มากที่สุด แต่จะไม่ทำเพราะแรงกดดัน เข้าใจดีว่าทุกคนได้รับความเดือดร้อน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้พูดว่าจะมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ หรือเปิดห้างสรรพสินค้าในวันที่ 1 พ.ค. ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหรือภาคเอกชนที่ต้องการผ่อนปรน ก็ให้จัดทำแผนรับมือเสนอเข้ามายังภาครัฐเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานความมั่นคงไปดูแลในเรื่องการขนส่งที่มีเสียงเรียกร้องของประชาชนพี่ประสบปัญหาส่งสินค้าข้ามพื้นที่หรือจังหวัดไม่ได้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการส่งจดหมายถึงบรรดามหาเศรษฐีทั้ง 20 คนว่า ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการบังคับหรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เพียงต้องการการระดมความคิดเห็นต่างๆเพื่อให้การทำงานสอดรับกับภาครัฐ ซึ่งก็ทราบดีว่าทุกองค์กรก็ให้ความช่วยเหลือบุคลากรและองค์กรของตัวเองอยู่ ต้องขอขอบคุณ ทั้งนี้ คงไม่ได้ไปหาด้วยตัวเอง แต่พร้อมรับฟังและไม่ใช่เฉพาะ 20 คนเท่านั้น หากมีท่านใดประสงค์ที่จะมีการเสนอแนะก็สามารถเข้ามาร่วมได้
Tag: พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
วันที่ 20 เม.ย. 63 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อธิบดีกรมควบคุมโรค และอื่น ๆ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และหารือการผ่อนปรนมาตราการ พร้อมจับตาว่าจะมีการอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติหรือไม่ หลังมีการเตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 1 พ.ค. นี้
วันที่ 12 เมษายน 2563 ภายหลังเสร็จสิ้นการติดตามงานและภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ State Quarantine (โรงแรม Elegant Airport Hotel) ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับทราบว่าไม่มีปัญหาอะไรติดขัด ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี จากนั้นไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจคัดกรอง ของ สถานีตำรวจอุดมสุข เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มข้น และย้ำให้ยึดตามมาตรการต่างๆอย่างเข้มงวด
วันที่ 9 เม.ย.63 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยืนยัน ไม่เพิ่มเวลาเคอร์ฟิว ยังคงบังคับใช้เวลาเดิม คือ 22.00น.-04.00น. อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี มีสีหน้าอารมณ์ดี พร้อมกับชูมือไอเลิฟยู ให้สื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 2 เม.ย.63 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันส่งผลให้มีประชาชนในประเทศเรียกร้องให้มีการประกาศเคอร์ฟิว หรือปิดประเทศ ซึ่งในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะ ผอ.ศบค. จะแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าหน้าจอทีวีไว้ให้ดี และรอฟังจากปากนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวนั้นเป็นการทำเพื่อพี่น้องประชาชนในสถานการณ์โควิด-19
นายกรัฐมนตรีเผยยังไม่เพิ่มมาตรการเข้มข้นคุมโควิด-19 หลังตัวเลขคนติดเชื้อพุ่ง ขอประชาชนห้ามใจตัวเองหยุดอยู่บ้าน -หยุดแพร่เชื้อ ตามมาตรการรัฐ วันที่ 29 มี.ค.63 ภายหลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกศบค. นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายฉัตรชัย พรมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์โควิด-19 ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน โดยก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้กำชับถึงมาตรการต่างๆและสั่งการทุกอย่างไปแล้วตามที่โฆษก ศบค.ได้ชี้แจงไป ส่วนจะออกมาตรการที่เข้มข้นหลังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่ายังไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม แต่ขอให้ประชาชนห้ามใจตัวเองให้ได้ในการทำตามมาตรการของรัฐบาลที่ขอความร่วมมือไม่ให้ออกจากบ้าน และสื่อจะต้องคุมตัวเองด้วย
คณะรัฐมนตรีคลอด 14 ข้อกำหนด และมาตรการบรรเทาผลกระทบรับมือโรคโควิด-19 พร้อมอนุมัติงบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อคลี่คลายวิกฤต รวมถึงตั้งกองทุนช่วยเหลือการระบาด โดยหักเงินเดือนรัฐมนตรีทุกคน 1 เดือน เป็นประเดิม ครม.มีมติเพิ่มมาตรการรับมือโควิด-19 เป็นมาตรการที่มาจากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นมาตรการระยะเร่งด่วน แบ่งเป็นด้านการป้องกันโรคและสุขภาพ ประกอบด้วย 14 ข้อกำหนด ที่มีทั้งสั่งการหน่วยงานรัฐทุกแห่งทำตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และระงับเดินทางไปประเทศที่แพร่ระบาด หรือประเทศเสี่ยง บริหารจัดการสินค้าจำเป็น หน้ากาก หรือเจลให้เพียงพอต่อความต้องการ ป้องกันการกักตุนและควบคุมราคาสินค้า ดำเนินการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงอย่างเคร่งครัด จัดหาสถานที่กักตัวผู้สงสัยติดโรค ติดตามดูแลคนไทยที่อยู่ในประเทศเสี่ยง ดูแลและจัดสวัสดิการบุคลากรทางการแพทย์ เลื่อนจัดกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก รวมถึงตั้งศูนย์ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารกับสาธารณชนอย่างเป็นเอกภาพ และถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจทั้งมาตรการภาษี สินเชื่อ พักชำระหนี้ สร้างความเชื่อมั่นการลงทุน และอื่น ๆ อนุมัติงบ 1,500 ล้าน สู้โควิด-19 ตั้งกองทุนสู้โควิด-19 ประเดิมเงินเดือน รมต. คณะรัฐมนตรียังอนุมัติงบประมาณ 1,233 ล้านบาท ให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการแก้ไขและป้องกันโรค โดยเฉพาะการดูแลรักษาผู้ป่วย […]
วันที่ 3 มี.ค. 63 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อนประชุมว่า เรื่องที่แรงงานไทยที่มีความประสงค์ออกจากเกาหลีใต้ เพื่อกลับประเทศไทยนั้น จะต้องหารือในที่ประชุมครม.ก่อนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งเป็นมาตรการคัดกรองและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 พร้อมกำชับให้ตรวจเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนด้วย ส่วนการประชุม ครม.วันนี้ คณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เสนอของบกลางจำนวน 3,500 ล้านบาท เพื่อมาใช้เป็นค่ารักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 และใช้ในการจัดซื้อเวชภัณฑ์ รวมถึงรับมือกับการระบาดของโรค ส่วนกระทรวงมหาดไทย เสนอขออนุมัติงบกลาง วงเงิน 250 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อวัตถุดิบให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากอนามัยใช้เองในช่วงขาดแคลน นอกจากนี้ ครม. เตรียมพิจารณาภาพรวมมาตรการป้องกันและควบคุมการรับมือไวรัสโควิด-19 ให้ชัดเจน ทั้งเรื่องหน้ากากอนามัย และการเดินทางไปต่างประเทศ ที่จะต้องห้ามเดินทางไปประเทศใด โดยหลังการประชุมจะแถลงความชัดเจนอีกครั้ง
วันที่ 2 มี.ค.63 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงมอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้ง และ เตรียมการเก็บน้ำฤดูฝน ปี 2563 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน เครือข่ายและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมงาน ที่ ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ก่อนการมอบนโยบายจะเริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดให้มีจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ และ ให้บริการเจลล้างมือ สำหรับผู้เข้าร่วมงานทุกคน รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย
วันที่ 28 ก.พ.63 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามระเบียบข้อบังคับและขั้นตอนสภาผู้แทนราษฏร เป็นไปตามกฏหมายรัฐธรรมนูญทุกประการ จึงต้องขอขอบคุณ สส.ทุกคน เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ให้กำลังใจรัฐบาล ซึ่งตนเองก็ยังยืนยันจะทำหน้าที่เพื่อทุกคนต่อไป พร้อมทั้งกล่าวว่า “สบายใจที่ได้ผ่านพ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้ ตนจะได้ไปทำงานในส่วนอื่นที่มีจำนวนมากโดยเฉพาะขณะนี้เรื่องของงบประมาณที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเษกษาแล้ว ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนการใช้จ่ายงบประมาณผ่านทุกโครงการ เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่ม” พร้อมยืนยันว่า ตลอดการทำงานของรัฐบาล มีความตั้งใจ ซื่อสัตย์ ส่วนใดที่มีปัญหาขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ โดยหากอยากให้บ้านเมืองสงบสุขทุกคนต้องร่วมกัน และรัฐบาลก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร เพราะประเทศเผชิญความยัดแย้งมานานแล้ว จึงต้องใช้ศักยภาพที่มีเพื่อสร้างโอกาสให้ประเทศ พร้อมขอบคุณสื่อที่แม้มองว่าไม่ได้ช่วยตัวเองโดยตรง แต่ก็ถือว่าทุกคนช่วยประเทศชาติ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในเวลานี้ ทั้งนี้เสียงของรัฐบาลจะมีการเปลื่ยนแปลงหรือไม่ หลังจากที่เห็นผลคะแนนจากการอภิปรายแล้ว เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่หารือกัน